Published on ISSUE 7
สิ่งที่ดูเหมือนจะขาดหายไปในสมัยนี้มันคือเรื่องความเป็นตัวเอง เป็นตัวเองให้ถูก อย่าเป็นตัวเองแบบดื้อ เป็นตัวเองให้รู้ว่าอะไรที่มีค่าในตัวเรา รักษามันเอาไว้ อย่าไปเปลี่ยนตามสิ่งที่คนบอกให้เปลี่ยน หรือกระแสมันเป็นแบบนี้ ควรยึดมั่นในตัวเองว่าเราเป็นใคร ยึดมั่นให้เหนียวแน่นที่สุด แล้วมันจะไปได้ไกลเอง

“บอย ตรัย ภูมิรัตน” นักออกแบบบทเพลง ผู้มาจากขุนเขาแห่งหมี

เรื่อง : นายขนมขบเคี้ยว ภาพ : Bluebird fly

ใครๆ ก็คงมีเพลงที่ชื่นชอบหรือเพลย์ลิสต์โปรดที่เราฟังไปตามสถานการณ์ ตามอารมณ์ ใน ณ ขณะเวลานั้นๆ ที่ตอบรับกับความรู้สึกนึกคิดที่จะทำให้เราอยู่กับเรื่องราวนั้นๆ ได้ และเมื่อได้ฟังเพลงที่ดีที่คอยช่วยขับเคลื่อนจิตใจเราให้คล้อยไปตามจังหวะของชีวิต ยิ่งพาให้เราคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่มีความรู้สึก มีความหมายลึกซึ้ง ซึ่งกลายเป็นของหายากเสียเหลือเกินในตลาดเพลงสมัยนี้ และด้วยปัจจัยหลายอย่างที่แปรเปลี่ยนไป ธุรกิจเพลงก็เปลี่ยนไป ทำให้พูดได้เต็มปากว่าใครที่ยังคงอยู่ในวงการนี้ได้นานๆ นั้นต้องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ในฉบับนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ พี่บอย-ตรัย ภูมิรัตน หรือ พี่บอย ฟรายเดย์ นักร้อง นักแต่งเพลงผู้อยู่ยั้งยืนยงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในวงการเพลงมานาน ไม่เพียงแค่นั้นผลงานของเขาแทบจะอยู่ในทุกช่วงยุคสมัยมาตลอด 20 ปี ในการทำงาน ด้วยเพลงที่มีเนื้อหาอบอุ่น ซาบซึ้ง ให้กำลังใจ มีความหมายที่ดี ทั้งที่ร้องเองและแต่งให้ศิลปินคนอื่นร้อง ไม่ว่าจะเป็น กลับมา พื้นที่เล็กๆ ความลับ(H) รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป (Groove Riders) ย้ำ(Bodyslam) และอีกมากมายหลายเพลงที่ถ้าเอ่ยชื่อไปแล้วคงคุ้นหูกันเป็นแน่

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอมาพูดคุยกันถึงแนวคิดและประสบการณ์การทำงาน ที่น่าสนใจจากชีวิตของผู้ชายอบอุ่นคนนี้กัน

 

จุดเริ่มต้นชีวิตการทำงานในวงการเพลง

ตอนแรกไม่เคยมีความฝันว่าจะเป็นนักร้อง ไม่เคยคิดถึงภาพตัวเองจะไปยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีเลย แต่ด้วยเพราะความชอบทางด้านดนตรี เลยแต่งเพลงกับเพื่อนๆ วงฟรายเดย์ตั้งแต่สมัยเรียนสถาปัตย์อยู่มหาวิทยาลัยรังสิต พอเรียนจบใหม่ๆ ก็ทำงานเป็นสถาปนิก จนวันหนึ่งเพื่อนในวงคนหนึ่งเอาเดโม่ไปให้พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่มิวสิคบั๊ค แล้วพี่เขาเกิดสนใจเลยชวนเราไปทำเพลง เราเลยมีโอกาสได้ทำมาจนถึงวันนี้

 

อัลบั้มแรกในความทรงจำ

หลังจากส่งอัลบั้มเดโม่ไป แต่สุดท้ายอัลบั้มเดโม่ที่ส่งไปนั้นก็ไม่ได้ใช้ ในช่วงแรกที่มิวสิคบั๊คก็มีคนมาช่วยแต่งเพลงให้เรา แต่พอเราร้องเพลงของคนอื่นเรารู้สึกไม่ค่อยอิน เลยขอพี่เอกว่าอยากทำเพลงเอง ก็ใช้เวลาหนึ่งปีจนได้อัลบั้มแรก Friday I’m in love มา พอหลังจากอัลบั้มแรกเราก็เริ่มชอบการแต่งเพลง เริ่มสนุกกับมัน ก็เขียนมาเรื่อยๆ พอมีคนในค่ายจะทำเพลงเราก็จะขอไปแต่งเพลงให้ และก็เอาอัลบั้มฟรายเดย์ที่เราทำนี่แหละ ไปส่งตามค่ายต่างๆ ว่าเราเขียนเพลงนี้นะ จนวันนึง พี่บอย โกสิยพงษ์ ที่เบเกอรี่มิวสิค ก็ติดต่อมา เราเลยได้มีโอกาสไปทำเพลงกับเบเกอรี่มิวสิค

 

ชอบเพลงไหนที่สุด เพราอะไร

ทุกๆ เพลงก็มีเรื่องราวมาจากการตกตะกอนในช่วงนั้นๆ หากจะให้เปรียบเทียบว่าชอบเหตุการณ์ไหนที่สุดก็ตอบยาก แต่ถ้ารวมๆแล้วและตรงกับใจตัวเองที่สุดก็คงเป็นเพลงพื้นที่เล็กๆ เพราะรู้สึกไม่อยากโตเลย (หัวเราะ)

 

IMG_0331

 

เอกลักษณ์และสไตล์งานเพลงของพี่บอย

น่าจะเป็นเพลงที่โลกสวยนะ (หัวเราะ) เพราะต่อให้เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากๆ เราก็พยายามจะพูดในมุมมองว่าเราจะรอดจากเรื่องนี้ได้อย่างไร เป็นเพลงที่ตั้งคำถามเสียมากกว่า คือจะไม่สรุปว่าเรื่องนี้ควรจะจบอย่างไรเพราะอยากให้เพลงเป็นเพลงของคนร้อง ใครไปฮัมเพลงนี้ก็ให้เป็นเรื่องของเขา

 

แนวคิด วิธีการแต่งเพลง

ส่วนใหญ่ขั้นตอนที่นานที่สุดในการทำเพลงเพลงหนึ่งคือตอนที่คิดว่าจะพูดเรื่องอะไร ต้องคุยกับตัวเองให้จบก่อนว่าเล่าอย่างไร สมมติว่าอกหัก เราก็ต้องเห็นเป็นฉากๆ ก่อนว่าเกิดขึ้นอะไรกับเรา ถึงค่อยเล่า เพราะฉะนั้นเราต้องเริ่มรู้จักเรื่องนั้นๆ ให้มากก่อนที่จะเริ่มเขียน เวลาเขียนก็ใช้เวลาไม่นานนัก ส่วนเรื่องที่นำมาเขียนมันอาจจะเป็นเรื่องอยู่ในหัวเราก็ได้ เป็นเรื่องที่บ่มอยู่ในใจเรา ไม่ลืม ไม่หายไป ตื่นมาวันแล้ววันเล่าก็ยังไม่หายไป อยากพูดเรื่องนี้ อยากรู้จักเรื่องนี้ ที่จริงแล้วการแต่งเพลงก็คือการคุยกับตัวเองว่าทำไมเรื่องนี้ถึงคาใจเรานะ เราถึงเอาเรื่องนี้มาเขียน ในส่วนของทำนองก็แล้วแต่ บางทีอยู่ดีๆ มันก็มา เราก็ต้องรีบหาอะไรมาบันทึกให้ทันท่วงที แล้วก็หาเรื่องราวให้เหมาะกับทำนอง ในเพลงของพี่นั้นแล้วแต่ว่าอะไรมาก่อน ไม่ได้ตายตัว มีหลายแบบ อย่างเพลงชั่วโมงต้องมนต์ทั้งเนื้อและทำนองมาพร้อมกัน หรือว่าเพลงบอกฉัน ประโยคแรกมาก่อนทั้งเนื้อทั้งทำนองแล้วที่เหลือก็ค่อยๆ ตามมา

 

ไม่ได้จบด้านดนตรีมาแต่ทำไมถึงแต่งเพลงได้

อาจจะเป็นเพราะความโชคดีของพี่ที่ไม่รู้ว่ามันควรจะมีขั้นตอนยังไง (หัวเราะ) พี่ไม่รู้ว่ามันควรจะมีความรู้ พี่เลยไม่ค่อยกลัวตอนที่เริ่มต้น คือถ้ารู้จักโลกกว้างตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าโลกนี้มีคนเก่งเต็มไปหมดก็คงไม่กล้าเริ่ม แต่สมัยนั้นคนรอบข้างที่เล่นดนตรีน้อยมาก สมมติในรุ่นมีคนเล่นดนตรีอยู่ 2-3 คน หรือสมัยมัธยมอยู่กับคุณอดุลย์ ฟรายเดย์ มีเล่นดนตรีกันอยู่แค่ 2 คน ก็ชวนกันมาตั้งวงด้วยกัน แต่ถ้าเกิดมันมีหลายๆ คนเราก็คงจะฝ่อไปแล้ว แต่เพราะเราไม่รู้วิธีการ ไม่รู้ว่าความเก่งเป็นอย่างไรเราก็เลยกล้าลุยกล้าทำ

 

เคยคิดงานไม่ออกไหม มีวิธีจัดการอย่างไร

มันเกิดจากหลายเหตุผลเวลาเราคิดไม่ออก เช่น คิดไม่ออกเพราะเรื่องยังไม่เหมาะสม หรือฝืนที่จะคิดเรื่องที่คิดยังไงก็ไม่ออก หรือถ้าคิดได้ก็จะออกมาไม่ดี เหมือนติดกระดุมผิดเม็ดตั้งแต่แรกยังไงก็จบไม่สวย หรืออีกเหตุผลคือคิดไม่ออกจากข้างในตัวเรา เช่น ชีวิตด้านอื่นของเรานอกจากการทำงานแล้วมันมีเฟืองอะไรบางอย่างติดอยู่ มีเรื่องกลัดกลุ้มใจ มันก็ทำงานไม่ได้ อย่างถ้าทะเลาะกับแฟนอยู่ก็ต้องไปเคลียร์ให้จบก่อนจะได้ปลอดโปร่ง หรือถ้าเราอยู่ในปัญหาแล้วอยากเขียนเรื่องนี้เลย บางทีก็เขียนไม่ได้เพราเรายังไม่รู้จักมันจริงๆ สมมุติถ้าเศร้ามากๆแล้วแต่งเพลงเลยอาจจะเขียนได้ไม่ดีเท่าตอนที่ผ่านมาแล้วแล้วพูดถึงมันอย่างที่ได้เข้าใจมันแล้ว

 

ศิลปินที่ชอบ

บอย Imagine เขาเป็นศิลปินที่เราไม่เห็นในสมัยนี้ คือถ้าเกิดในสมัยก่อนจะเข้าใจได้เลย เพราะเป็นศิลปินที่ไม่แคร์อะไร มีวิญญาณของความเป็นศิลปินจริงๆ ศิลปินสมัยก่อนอยากทำอะไรก็ทำ แต่สมัยนี้อยากทำอะไรมันจะมีกรอบที่ทุกคนต้องไปตามขนบของมัน แต่เรายังเห็นสิ่งนี้ในคนๆ นี้ แล้วก็เขียนเพลงดีอีกด้วย

 

IMG_0350

 

เกี่ยวกับวงการเพลงไทย ณ ตอนนี้ และอนาคต

คึกคัก หลากหลาย น้องๆ รุ่นหลังๆ ก็เก่งขึ้นเยอะ มีการแข่งขันสูง สมัยก่อนเราอาจจะเคยได้ยินว่าอัลบั้มหนึ่งทำเพลงเพราะสองเพลงแล้วทำที่เหลือให้เต็มๆ ก็ออกอัลบั้มกันแล้ว แต่สมัยนี้คือไม่มีโอกาสทำแบบนั้น สมัยนี้ต้องเอาที่สุดของคุณออกมา ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว และหากคิดถึงอนาคตตอนนี้ คงคิดอะไรไม่ออกหรอกครับ ต้องให้คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้มอง ให้ช่วยคิด อีกสิบปีไม่แน่ว่าศิลปินทุกคนอาจจะได้ทำแค่อินโทร เพราะเพลงถูกจำกัดให้เวลาน้อยลงเรื่อยๆ เพลงแต่ละคนอาจจะเหลือแค่ 15 วินาทีก็ได้

 

ความประทับใจของการทำงานในฐานะนักแต่งเพลง

คงจะเป็นเวลาที่ได้เห็นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ระดับอิมแพ็คฯ คอนเสิร์ตพี่บอย โกสิยพงษ์ หรือคอนเสิร์ตเบเกอรี่ ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งเพลง แล้วในโชว์ก็จะมีเพลงที่เราแต่ง คนฟังก็ร้องกันแบบลืมตายและเป็นเพลงเราติดๆกัน เราก็รู้สึกโอ้โห…การเกิดเป็นนักแต่งเพลงมันมีความสุขจังเลยนะ เหมือนกับว่าเราได้เชื่อมโยงกับความรู้สึกของคนฟังเลย

 

ฝากอะไรถึงรุ่นน้องที่อยากเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง

แค่อยากจะบอกว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะขาดหายไปในสมัยนี้มันคือเรื่องความเป็นตัวเอง เป็นตัวเองให้ถูก อย่าเป็นตัวเองแบบดื้อ เป็นตัวเองให้รู้ว่าอะไรที่มีค่าในตัวเรา รักษามันเอาไว้ อย่าไปเปลี่ยนตามสิ่งที่คนบอกให้เปลี่ยน หรือกระแสมันเป็นแบบนี้ ควรยึดมั่นในตัวเองว่าเราเป็นใคร ยึดมั่นให้เหนียวแน่นที่สุด แล้วมันจะไปได้ไกลเอง

 

นิยามความสุขของชายที่ชื่อบอย ตรัย ภูมิรัตน์

ความสุขก็คือวันที่หัวใจไม่แกว่งไกว วันที่เหมือนเมื่อวาน วันที่แค่เป็นวันปกติอีกวันหนึ่งก็สุขแล้ว อย่างเรามีความสุขมากๆ วันหนึ่ง แล้วความสุขนั้นมันหายไป เราเศร้าเลยนะ ดังนั้นขอแค่เป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่งก็พอแล้ว

 

ขุนเขาแห่งหมี

ตอนนี้กำลังทำอัลบั้มเดี่ยวชื่ออัลบั้ม “ขุนเขาแห่งหมี” เป็นชุดที่ห่างจากชุดที่สอง 10 ปีพอดี เลยอยากออกอีกสักชุดหนึ่งเพื่อเป็นการจดบันทึกตัวเองสักหน่อยว่าถ้าทำอัลบั้มเดี่ยวตอนนี้ความคิดจะเป็นอย่างไร มันเหมือนเป็นการขึ้นเขาก็เลยนึกถึงชื่อนี้ เพราะไม่ได้ทำอัลบั้มคนเดียวมานานแล้ว มันคงไม่ง่าย ตอนนี้ก็ปล่อยไปแล้วหนึ่งเพลงคือเพลง “ฮานาบิ” และกำลังจะปล่อยซิงเกิ้ลต่อไปเดือนหน้าครับ