Published on ISSUE 9
รถตู้คันหนึ่ง คนๆ หนึ่ง และสุนัขตัวหนึ่ง บางที เราอาจต้องการเพียงแค่นี้..

Star Watching Dog

นายขนมขบเคี้ยว

 

Star watching dog หรือในชื่อญี่ปุ่น Hoshi mamoru inu ที่สร้างมาจากการ์ตูนอันโด่งดังของ ทาคาชิ มุราคามิ ได้ผู้กำกับมือฝีมือดีอย่าง โทโมยูกิ ทาคิโมโต้ (Ikigami, The brain man) มาเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวอันงดงามระหว่างสุนัขพันธุ์อาคิตะนามว่า “แฮปปี้” และชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของ รับบทโดย โทชิยูกิ นิชิดะ ที่ยอมสละทุกอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อเดินทางไกลไปทั่วญี่ปุ่นในช่วงบั้นปลายของชีวิตด้วยรถตู้แวน

 

ตามสไตล์หนังญี่ปุ่น ที่เล่าเรื่องแบบเนิบๆ เรื่อยๆ เอื่อยเฉื่อย แต่มีชั้นเชิงโดยมี เคียวสุเกะ โอคุตสึ (เท็ตสึจิ ทามายาม่า) ข้าราชการหนุ่มที่มีความโชคร้ายในโชคชะตา เป็นคนดำเนินเรื่อง สลับกับเรื่องราวคนละช่วงเวลาของสุนัขแฮปปี้และเจ้าของ โอคุตสึผู้สูญเสียพ่อและแม่ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ด้วยอุบัติเหตุ และถูกเลี้ยงจนโตมาโดยคุณปู่ เขามีสุนัขเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่ง ที่คุณปู่ซื้อไว้ให้เพื่อช่วยปลอบประโลมจิตใจหลังจากการสูญเสีย แต่เมื่อโตขึ้น ความรัก ความใส่ใจที่เขามีต่อสุนัขตัวนั้นก็ลดลง จนสุดท้ายเขาก็สูญเสียสุนัขและคุณปู่ไปอีกทั้งคู่ จนกลายเป็นบาดแผลลึกในใจและไม่อาจลบเลือนมันไปได้

 

8

 

โอคุตสึตัดสินใจออกเดินทางเพื่อตามรอยของแฮปปี้และเจ้าของ เพื่อค้นหาคำตอบในใจของเขาบางอย่าง ระหว่างการเดินทาง เขาได้พบกับ ยูกิ คาวามูระ (ยูมิกะ คาวาชิม่า) หญิงสาวที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาความฝันของตัวเอง ซึ่งขอร่วมเดินทางไปด้วยกันกับโอคุตสึเพื่อเดินทางกลับบ้านหลังจากได้พยายามทำตามความฝันนั้นแล้ว ตลอดการเดินทางทั้งสองได้พบเรื่องราวน่าประทับใจ จากคำบอกเล่าของผู้คนที่ได้พบเจอแฮปปี้และเจ้าของ ผสมกับภาพที่สวยงามของชนบทของประเทศญี่ปุ่น (พอพูดถึงก็อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นจัง) ธรรมชาติ ท้องฟ้าสีโปร่ง ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้มวลไปด้วยความอบอุ่น แต่หนังไม่ได้ใจดีกับเราขนาดนั้น เพราะ ในช่วงท้ายของเรื่องราว หนังก็สร้างบรรยากาศที่ทำให้คนดูจุกอก ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ซึ่งก็พาเรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ (ผู้เขียนไม่อยากจะเล่า เพราะอยากให้ไปดูเองจริงๆ นะเออ)

 

12

 

ตลอดกว่า 120 นาที หนังพยายามสอดแทรกเรื่องของการมอบความรัก การเอาใจใส่สุนัขอยู่เรื่อยๆ ภาพของสุนัขเมื่อเขายังน่ารัก ยังสวยงามเราก็อยากที่จะเล่น อยากที่จะดูแลเขา แต่เมื่อยามที่อายุของเขามากขึ้น ความน่ารัก ความตื่นเต้นที่จะได้เล่นกับเขา ดูแลเขาก็มักจะลดลงไป แต่สิ่งนึงที่ไม่ลดลงไปนั่นคือ ความรัก ความภักดีที่สุนัขมีต่อเจ้าของ ที่จะเห็นได้จากสุนัขแฮปปี้จากเรื่องนี้

พอได้เห็นเรื่องราวของสุนัขแฮปปี้และเจ้าของ ทำให้เราฉุกคิดและตั้งคำถามกับตัวเองว่า “มีแค่ไหน ถึงมีความสุข” ต้องมีเงินมากแค่ไหน มีคนที่รักเรามากเท่าไหร่ หรือสิ่งใดที่ทำให้เรามีความสุขมากเพียงพอ ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีน้อยมีมากตามความรู้สึกพอ แต่ภาพของแฮปปี้กับเจ้าของ ซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดการเดินทางอันแสนไกลของพวกเขา มันทำให้เห็นถึงสิ่งที่มีค่ามากกว่าทุกสิ่งอย่างในโลก และประเมินค่าไม่ได้ นั่นก็คือ “มิตรภาพ” ของพวกเขาทั้งสอง ที่เป็นรูปธรรมในความคิดของผู้เขียน

 

 

ชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของสุนัขแฮปปี้ เขาสามารถยิ้มได้เสมอแม้จะมีปัญหาต่างๆ เข้ามา
เหตุผลของทั้งหมดทั้งมวลอาจเพราะ แฮปปี้ คือความสุขเดียวที่เขามีอยู่
แต่ความสุขเดียวของเขาก็เติมเต็มทั้งชีวิตของชายคนหนึ่งได้เพียงพอแล้ว…