Published on ISSUE 16
หากกล่าวถึงแมวตาเพชรในแง่ของวิทยาศาสตร์แล้วคงกล่าวได้ว่าแมวเหล่านี้คือแมวที่เป็นโรคต้อหิน ซึ่งแมวที่เป็นโรคต้อหินจะมีอาการที่ดวงตาเหมือนกับแมวตาเพชตที่ร่ำลือกันมาทุกประการ โดยภาวะต้อหินนั้นสามารถพบได้ในแมวทุกช่วงอายุ

เพชรตาแมว : อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ที่แลกมาด้วยน้ำตาของแมว

เรื่อง howl the team ภาพ : เลขา

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างเกี่ยวกับเพชรตาแมว

เพชรตาแมวเป็นอัญมณีศักสิทธิ์ เชื่อกันว่าถ้าผู้ใดได้ครอบครองจะถือว่าเป็นผู้มีบุญสูงส่ง แต่ใครจะรู้ว่าในความสวยงามนั้น ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดของเจ้าแมวผู้น่าสงสาร

ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครบรอบ 100 หรือ 1,000 ปี จะมีเทพเจ้าลงมาจุติบนโลกมนุษย์ โดยจะมาเกิดเป็นแมวเพื่อชดใช้กรรมที่ยังเหลืออยู่ และมีลูกแก้วสารพัดนึกเป็นของติดตัวมาด้วย ซึ่งเชื่อกันว่าก่อนที่ท่านจะจากไปนั่น ท่านจะมอบลูกแก้วนี้หรือที่เรียกกันว่า “เพชรตาแมว” ให้กับคนที่มีพระคุณคอยเลี้ยงดูท่านเมื่อตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่นั่นเอง

โดย เพชรตาแมว มักมีลักษณะ ดังนี

1. เพชรตาแมวชนิดหินใส มีลักษณะใสปนขุ่น ขนาดเท่าลูกแก้ว ในความใสจะเหมือนมีเสี้ยนไผ่อยู่ในตา หรือม่านตา เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะเห็นเป็นรังผึ้งขนาดเล็ก และมีเส้นเลือดขนาดเล็กด้วย

2. เพชรตาแมวชนิดใสเป็นแก้ว เพชรตาแมวชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนดวงตาแมวขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ในความใสจะไม่มีสีขาวขุ่นมาเจือปน มีมิติซับซ้อน และไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ เนื่องจากเนื้อจะใสบริสุทธิ์ และมีความแวววาวมาก

เชื่อกันว่าแมวตาเพชรนั้นจะมีดวงตาที่อำนาจลึกลับ หากแมวตาเพชรจ้องมองไปที่เหยื่อตัวใดนานๆ เช่น จิ้งจก หรือหนู เหยื่อจะไม่สามารถขยับตัวได้และตกลงมาตายในที่สุด โดยที่แมวไม่ต้องขยับตัวหรือทำอะไรเลยนอกจากจ้องเพียงอย่างเดียว

ส่วนที่มาของเพชรตาแมวนั้น น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับแมวสีสวาด กล่าวกันว่าความใสดุจเพชรของนัยน์ตาแมวพันธุ์นี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า “แมวตาเพชร” และก็ยังมีหลายๆ คนเข้าใจผิดและสับสนกับคำว่า “แมวตาเพชร” ของแมวขาวมณี ซึ่งเป็นคำเรียกแมวพันธุ์นี้บางตัวที่มีภาวะตาสองสีนั่นเอง

เรื่องอำนาจลึกลับของแมวตาเพชรและเพชรตาแมวนั้นคงไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่หากกล่าวถึงแมวตาเพชรในแง่ของวิทยาศาสตร์แล้วคงกล่าวได้ว่าแมวเหล่านี้คือแมวที่เป็นโรคต้อหิน ซึ่งแมวที่เป็นโรคต้อหินจะมีอาการที่ดวงตาเหมือนกับแมวตาเพชตที่ร่ำลือกันมาทุกประการ โดยภาวะต้อหินนั้นสามารถพบได้ในแมวทุกช่วงอายุ สิ่งสำคัญคือหากพบว่าแมวมีภาวะต้อหินแล้วอย่าเพิ่งดีใจว่าพบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ควรรีบพาน้องแมวตัวนั้นไปหาสัตวแพทย์โดยเร็ว เพราะการเป็นโรคต้อหินนั้นจะทำให้แมวปวดตาและทรมานมาก อีกทั้งหากปล่อยไว้จะทำให้รักษาไม่ได้จนตาข้างนั้นบอดไปในที่สุด

ความเชื่อนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล แน่นอนว่าห้ามกันไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกๆ คนควรพึงระลึกไว้เสมอว่า หากคิดจะเลี้ยงอะไรก็ตามสักหนึ่งชีวิตแล้ว เราก็ควรเลี้ยงด้วยความรักความเมตตา ซึ่งบางทีสิ่งนี้แหละ….

เป็นสิ่งที่มีค่าและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าเครื่องรางของขลังใดๆ