Web Exclusive
ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นอาหารชั้นสูง แต่จริงๆ แล้วหูฉลามก็เป็นเพียงแค่กระดูกอ่อนที่แทบไม่มีรสชาติในตัวเอง รสชาติทั้งหมดที่เราชื่นชอบนั้นมาจากซุปน้ำแดงที่ถูกปรุงเท่านั้น ดังนั้นแล้วการเสียสละฉลามเพื่ออาหารชนิดนี้จึงเป็นความไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย

ฉลาม : ถึงเวลาคืน “หู” ให้ฉลาม

เรื่อง : howl the team ภาพ : ชาพีช

ซุปหูฉลามเป็นชื่อเมนูบนโต๊ะจีนที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็ก

จริงๆ แล้ว หูฉลามไม่ใช่หูของฉลามจริงๆ แต่เป็นส่วนของครีบฉลาม ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงว่าครีบส่วนไหน และอาจรวมไปถึงหางและครีบกระเบนบางชนิดได้ด้วยเหมือนกัน

แม้ว่าฉลามจะเป็นปลานักล่าที่น่าหวั่นเกรง แต่ชะตากรรมของฉลามทั้งในไทยและทั่วโลกกลับฟังดูน่าเศร้ามาก เพราะนักล่าแห่งท้องทะเลชนิดนี้กำลังลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว โดยประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่มีปริมาณฉลามลดลงเร็วที่สุดในโลก ที่ฝั่งอันดามัน ฉลามที่จับได้ลดลงไปกว่า 90% ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา สวนทางกับปริมาณการส่งออกหูฉลาม จากข้อมูลของ FAO ปี ค.ศ. 2000 – 2001 ไทยได้เป็นผู้ส่งออกหูฉลามที่ใหญ่ที่สุดในโลกแซงหน้าฮ่องกงและจีนไปแล้ว

ประชากรฉลามทั่วโลกลดลงไปกว่าร้อยละ 90-95 ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ฉลามถูกฆ่า 100 ล้านตัวทุกปี เฉลี่ยแล้ววันละ 2 แสนตัว ชั่วโมงละ 1 หมื่นตัว นาทีละ 100 ตัว หรือทุกๆ วินาทีที่ผ่านไปนี้ ฉลามกำลังตายไป 3 ตัว

มีการวิจัยและเก็บสถิติที่บันทึกไว้ใน Journal Fish Biology โดย ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย พบว่านอกจากปริมาณที่ลดลงมากแล้ว ความหลากหลายทางสายพันธุ์ของฉลามที่พบก็ลดลงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในฉลามขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์นาน เช่น ฉลามครีบดำ หรือฉลามหัวค้อน

ฉลามเปรียบเสมือนเสือในป่า เป็นผู้ล่าที่ทำให้สมดุลระบบนิเวศยังคงอยู่ต่อไป การที่ฉลามหายไปจะส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อาหารในทะเลอย่างมาก ทำให้ไม่ใช่แค่ฉลามจะหายไป แต่ปลาชนิดอื่นก็หายไปด้วยเช่นกัน

ที่น่าเสียใจคือสาเหตุหลักที่ฉลามถูกล่าอย่างหนักขนาดนี้มาจากความต้องการบริโภคหูฉลามของมนุษย์เท่านั้น รวมไปถึงการล่าเอาครีบฉลามก็เต็มไปด้วยความโหดร้าย หากจับฉลามขึ้นมาได้ ชาวประมงจะจับตัดครีบของฉลามตัวนั้นทั้งหมด ก่อนที่จะโยนฉลามกลับสู่ทะเลเพื่อประหยัดที่บนเรือเพราะเนื้อฉลามไม่เป็นที่นิยม แน่นอนว่าฉลามที่ถูกตัดครีบทั้งตัวย่อมเคลื่อนไหวไม่ได้และตายลงในที่สุด

ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นอาหารชั้นสูง แต่จริงๆ แล้วหูฉลามก็เป็นเพียงแค่กระดูกอ่อนที่แทบไม่มีรสชาติในตัวเอง รสชาติทั้งหมดที่เราชื่นชอบนั้นมาจากซุปน้ำแดงที่ถูกปรุงเท่านั้น ดังนั้นแล้วการเสียสละฉลามเพื่ออาหารชนิดนี้จึงเป็นความไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย

ได้มีโครงการรณรงค์เพื่อต่อต้านเมนูหูฉลามทั่วโลก โดยเฉพาะทางองค์กร Wild Aid ที่ได้ทำแคมเปญให้ความรู้ประชาชนทั่วไปเรื่องฉลามและยกเลิกเมนูหูฉลามมาตลอด สร้างแรงกดดันไปยังร้านอาหารหลายแบรนด์ที่ยอมปลดเมนูเกี่ยวกับหูฉลาม เช่น MK สุกี้ ที่ไม่มีการจำหน่ายลูกชิ้นหูฉลามอีกต่อไปแล้ว โดยแคมเปญนี้ได้ประสบความสำเร็จที่ประเทศจีนมาแล้ว ทำให้ชาวจีนลดการบริโภคหูฉลามได้กว่า 80% เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าการอนุรักษ์ฉลามเป็นสิ่งที่เราทำได้ง่ายมากที่สุดและทำได้เลยตอนนี้เพียงแค่หยุดและเลิกกินเมนูหูฉลามทุกรูปแบบ แต่เราก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ของฉลามในไทยกลับมีแนวโน้มว่าจะย่ำแย่มากที่สุด เพราะในไทยยังบริโภคหูฉลามกันในปริมาณที่สูงมากอย่างต่อเนื่อง มีข้อมูลในปี พ.ศ.2555-2559 พบว่าไทยนำเข้าหูฉลามกว่า 456 ตัน

เพราะคุณค่าของฉลามมีมากกว่าแค่ครีบในน้ำซุป ถึงเวลาที่เราต้องคืน “หู” ให้กับฉลามในทะเลแล้ว

แล้วใช้หูของเราฟังเสียงร้องไห้ของพวกเขาจริงๆ ซักที