Web Exclusive
Shikoku Inu เป็นสุนัขนักล่าหมูป่าที่เก่งกาจ และด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาเข้าถึงยากทำให้น้องหมาสายพันธุ์นี้จึงไม่ถูกผสมเข้ากับสุนัขญี่ปุ่นสายพันธุ์อื่นและกลายเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์แท้ที่หาได้ยากยิ่ง

Shikoku Inu : นักล่าแห่งหุบเขาที่ห่างไกล

เรื่อง : howl the team

ในหุบเขาห่างไกล….พวกเขาคือสุนัขนักล่าที่ทรงพลังที่สุด

สุนัขสายพันธุ์ Shikoku Inu หรือในชื่อเล่นว่า Kochi-Ken (คำว่า Inu และ Ken แปลว่าสุนัขในภาษาญี่ปุ่น) มีต้นกำเนิดในแถบภูเขาของเขตโคจิบนเกาะชิโกกุ สุนัขสายพันธุ์นี้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ โดยคนในท้องถิ่นได้ปรับปรุงสายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อให้ Shikoku Inu เป็นสุนัขนักล่าหมูป่าที่เก่งกาจ และด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาเข้าถึงยากทำให้น้องหมาสายพันธุ์นี้จึงไม่ถูกผสมเข้ากับสุนัขญี่ปุ่นสายพันธุ์อื่นและกลายเป็นหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์แท้ที่หาได้ยากยิ่ง

ในอดีตเหล่านายพรานญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันว่า Matagi ได้ให้ความสำคัญกับสุนัขสายพันธุ์ Shikoku Inu เป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถช่วยในการล่าหมูป่าได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเทคนิคการล่าของ Shikoku Inu มี 2 แบบ คือ Hoeru-Dome หรือการเห่าเพื่อควบคุมตัวเหยื่อ และ Kami-Dome หรือการกัดเพื่อจับตัวเหยื่อ ซึ่งนายพรานส่วนใหญ่จะฝึก Shikoku Inu ให้ใช้วิธีล่าแบบ Hoeru-Dome หรือการเห่าเพื่อควบคุมเหยื่อมากกว่า เนื่องจากการเข้าไปใกล้หมูป่าที่กำลังโกรธจัดนั้นอาจเป็นอันตรายต่อตัวน้องหมาได้

เหล่า Shikoku Inu อาศัยอยู่ในหุบเขาลึกลับมาเรื่อยๆ จนกระทั่งญี่ปุ่นเปิดประเทศ ในช่วงยุคโชวะ (1926-1988) ได้มีการนำเข้าสุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศเข้ามา ทำให้เริ่มเกิดการตระหนักถึงคุณค่าของน้องหมาสายพันธุ์ท้องถิ่นในญี่ปุ่น ทำให้มีการรวบรวม Shikoku Inu จากหุบเขาส่วนหนึ่งเข้ามาเพาะพันธุ์และวิจัยภายในเมืองเพื่อรักษาสายพันธุ์เอาไว้

ในปัจจุบัน Shikoku Inu มีอยู่ 2 สายพันธุ์ย่อย คือ Honkawa และ Hata โดยสาย Honkawa นั้นจะผอมเพรียว คล่องแคล่วกว่าสาย Hata และมีขนชั้นในน้อยกว่า โดยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองน้องหมาสาย Honkawa นี้เกือบทั้งหมดจะมีสีดำไล่เฉดผสมกับสีขาว (Black Sesame) แต่หลังจากนั้นได้มีการปรับปรุงพันธุ์จนทำให้มีสีหลากหลายมากขึ้น

ส่วนสาย Hata จะมีโครงสร้างร่างกายโดยเฉพาะกระดูกที่หนากว่า ส่วนหน้าของลำตัวแข็งแรงหนักแน่น ใบหน้ากว้างและตาเล็กกว่า รวมไปถึงมีขนชั้นในที่เยอะกว่าสาย Honkawa  น้องหมาในสายนี้ส่วนใหญ่มีน้ำตาลหรือน้ำตาลแดงเฉดดำเป็นส่วนใหญ่

Shikoku Inu เป็นสุนัขขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 13-22 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นประจำสายพันธุ์ที่เห็นได้ชัดที่เรียกว่า “Urajiro” ซึ่งหมายถึงขนสีอ่อนบริเวณส่วนล่างของร่างกาย เช่น คอ ท้อง ด้านในของขา รวมไปถึงข้างจมูก ด้านล่างของขากรรไกร และส่วนของเหนือตาหรือที่เหมือนกับขนคิ้วน่ารักนั่นเอง

ด้วยความที่คล้ายกับ Shiba Inu ทำให้หลายคนเข้าใจว่า Shikoku Inu ไม่ต่างจาก Shiba ตัวใหญ่ แต่จริงๆ แล้วน้องหมาสายพันธุ์นี้มีนิสัยที่ต่างจาก Shiba พอสมควร โดยจะสงบกว่า ไม่ขี้เล่นหรือดื้อเหมือนกับชิบะ รวมไปถึงเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายอย่างเคร่งครัดเนื่องจากสายเลือดสุนัขนักล่าที่ถูกถ่ายทอดมา รวมไปถึงไวต่อสิ่งกระตุ้นที่เกี่ยวกับการล่าเหยื่อแบบต่างๆ และเข้ากับคนแปลกหน้าไม่ค่อยเก่งนัก

ปัจจุบัน Shikoku Inu ถือเป็นสุนัขญี่ปุ่นที่หายากมากแม้กระทั่งในประเทศญี่ปุ่นเองก็ตาม ทำให้ในตอนนี้พวกเขาถือเป็นสมบัติของชาติที่หายากมากเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ดีมีเหล่าคนรักสุนัขและทีมวิจัยกำลังพยายามรักษาและเพาะพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ให้มากขึ้น

เพื่อให้สมบัติแห่งชาติที่กำลังจะสูญหายไปนี้ได้กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง