Web Exclusive
แมวทำท่าแปลกๆ เหล่านี้ไปทำไมกันนะ?

ทำไมน้องแมวถึงทำท่าแปลกๆ แบบนั้นกันนะ

ภาพประกอบ : เลขา เรื่อง : howl the team

ถึงท่าจะแปลก…แต่ก็มีความหมายนะมนุษย์

บอกเลยว่าแมวเป็นสัตว์ที่สามารถทำท่าแปลกและตลกได้แบบที่เหนือความคาดหมายของเราเสมอ จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในอินเทอร์เน็ตที่แต่ละคนชอบโพสรูปแมวทำท่าแปลกๆ ตลกๆ ให้เราได้คลายเครียดกันอยู่เสมอ

แต่จริงๆ แล้วท่าแปลกๆ ของแมวนั้นมีความหมายซ่อนอยู่ รวมไปถึงพฤติกรรมที่มนุษย์อย่างเราๆ ไม่สามารถเข้าใจนั้นก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน ในคราวนี้เราจะเล่าถึงท่าทางแปลกๆ น้องแมว เช่น อยู่ดีๆ ก็เดินสองขา นั่งทอดหุ่ยพุงพลุ้ยเหมือนมนุษย์ ทำไมแมวถึงวิ่งอย่างบ้าคลั่งหลังอึเสร็จ ความลับของหน้าแมวอรุ่มเจ๊าะคืออะไร….เราจะมาหาคำตอบเหล่านั้นกัน

ที่บอกเลยว่าแต่ละคำตอบนั้นอาจทำให้คุณแปลกใจ….ได้มากกว่าท่าแปลกของน้องแมวเสียอีก

นี่…เป็นไง…เราก็ยืดตัวได้นะมนุษย์

แมวเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วจนน่าทึ่ง แม้ว่าเราจะเห็นว่าส่วนใหญ่แมวมักจะใช้สี่ขาอยู่เสมอ แต่ในบางเวลาพิเศษเราก็อาจจะเห็นแมวยืนด้วยสองขาหลังเหมือนกับมนุษย์เลยก็มี บางทีก็เอียงตัวไปมาด้วย รวมไปถึงยังยื่นสองขาหน้าราวกับว่าจะหยิบจับอะไรบางอย่างอีกต่างหาก เรียกว่าเป็นท่าทางแปลกพิลึกที่เจ้าของแมวเห็นแล้วต้องรีบถ่ายรูปเก็บไว้เลยทีเดียว

สาเหตุที่แมวทำแบบนี้มีหลักอยู่ 2 ประการ อย่างแรกคือแมวมักจะยืนด้วยสองขาหลังเมื่อต้องข่มขวัญคู่ต่อสู้ เพราะการยืนด้วยสองขาหลังนั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้ตัวเองดูใหญ่ขึ้นนั่นเอง สังเกตได้ว่าแมวมักจะมีแนวโน้มทำท่านี้ตอนที่ต่อสู้กับแมวตัวอื่น เพราะการยืนสองขา นอกจากจะตัวสูงใหญ่กว่าอีกฝ่ายแล้ว ยังเป็นมุมที่เหมาะกับการพุ่งเข้ามาโจมตีจากทางด้านบนอีกด้วย

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คอแมวนั้นกำลังสงสัยหรืออยากรู้อยากเห็นนั่นเอง ในแมวบางตัวเมื่อสงสัยอะไรแต่ก็ขี้เกียจกระโดดขึ้นไปดูเพราะเปลืองพลังงานก็จะใช้วิธียืนสองขาชะเง้อเหมือนกับเราเขย่งเท้า รวมไปถึงอาจจะเป็นอีกหนึ่งวิธีเรียกร้องความสนใจจากมนุษย์ก็ได้ ถ้าเขาเรียนรู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะได้กินขนมแมวเลียซักแผล่บสองแผล่บ

ที่น่าสนใจคือมีแมวบางสายพันธุที่ชอบยืนด้วยสองขาหลังมากกว่าพันธุ์อื่น ซึ่งก็คือแมวขาสั้น Munchkin นั่นเอง สาเหตุเป็นเพราะว่าแมว Munchkin ขาสั้นและตัวยาวทำให้จุดศูนย์ถ่วงไปอยู่ด้านหลังมากกว่าทำให้ยืนด้วยสองขาหลังง่ายกว่าน้องแมวสายพันธุ์อื่น

แต่ก็ต้องยอมรับว่าพอเห็นแมวยืนสองขาแล้วมันช่างเป็นภาพที่แปลกตา โดยเฉพาะเมื่อเห็นตอนที่ไม่ได้ตั้งตัว หรือแมวบางตัวก็เก่งขนาดเดินด้วยสองขาได้อีกต่างหาก พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดนึกไม่ได้ทุกทีเลยว่าแมวเหล่านี้ช่างมีท่าทางเหมือนมนุษย์จริงๆ

เอ๊ะ…หรือว่าจริงๆ แล้วเหล่าน้องแมวกำลังเลียนแบบมนุษย์เพื่อยึดครองโลกหรือเปล่านะ

ฟ้าว….ตามเราให้ทันละกัน !

เคยอยู่ดีเห็นแมววิ่งแบบเต็มฝีเท้าแบบไม่มีสาเหตุไหม แถมถ้าใครเลี้ยงแมวหลายตัวอาจพบว่าแมวพากันวิ่งอะไรไม่รู้จนชนข้าวของล้มระเนระนาด แล้วอยู่ดีๆ ก็เลิกวิ่งซะอย่างนั้น นี่เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมแปลกของน้องแมวที่เราสามารพบได้ โดยการที่อยู่ดีๆ แมววิ่งเต็มฝีเท้าโดยไร้สาเหตุนั้นถูกเรียกกันว่า “Zoomies” หรือการวิ่งฟ้าวพุ่งทะยานไปเลยนั่นเอง

ส่วนสาเหตุก็เป็นได้หลายอย่าง อย่างแรกสุดเลยก็คือการวิ่งเต็มฝีเท้านั้นเป็นการปลดปล่อยพลังงานล้นเหลือในตัวของแมวออกมา เพราะแมวนั้นเป็นสัตว์นักล่าที่นอนเก่งมาก วันหนึ่งอาจนอนได้ถึง 18 ชั่วโมง สาเหตุที่แมวนอนเก่งเพราะต้องประหยัดพลังงานเพื่อให้ออกไปล่าน้อยครั้งที่สุด เนื่องจากการออกล่าแต่ละครั้งนอกจากจะเปลืองพลังงานแล้วยังต้องเสี่ยงกับการถูกสัตว์ตัวใหญ่กว่าล่าด้วยเช่นกัน แต่เมื่อแมวอยู่กับมนุษย์แล้วก็ได้รับอาหารง่ายๆ ไม่อั้น ทำให้มีพลังงานล้นเหลือจนต้องหาทางระบายและกลายมาเป็นการวิ่งฟ้าวนี่เอง

ส่วนอีกสาเหตุคือมีคนสังเกตว่าแมวชอบวิ่งอย่างบ้าคลั่งนี้หลังถ่ายอุจจาระเสร็จ ซึ่งมีคำอธิบายว่าการขับถ่ายอุจจาระนั้นเป็นการใช้ประสาททีเรียกว่า Vagus Nerve ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ส่งผลต่ออารมณ์ด้วย ทำให้มีแนวโน้มว่าเมื่อถ่ายเสร็จก็จะทำให้แมวรู้สึกโล่งใจและมีความสุขสุดยอด (Euphoria) ทำให้เหล่าแมวเกิดความคึกในช่วงสั้นๆ และวิ่งอย่างบ้าคลั่งนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ดีการวิ่งเต็มฝีเท้าของน้องแมวก็มีเรื่องต้องควรระวัง เพราะแมวท้องผูกหรือเจ็บปวดก็อาจจะแสดงอาการวิ่งแบบนี้ได้เช่นกัน โดยเป็นสัญชาตญาณว่าวิ่งแล้วอาจจะหนีจากอาการที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ได้ ดังนั้นถ้าแมวมีพฤติกรรมแบบนี้ลองดูว่าแมวอึปกติไหม หรือมีการถ่ายยาก เบ่งมาก หรือท้องผูก ถ้าพบว่ามีอาการดังกล่าวควรพาไปปรึกษาคุณหมอสัตวแพทย์เพื่อหาทางรักษาต่อไป

อีกเรื่องที่ต้องระวังคืออย่าให้น้องแมววิ่งเฟี้ยวฟ้าวจนชนข้าวของพังเสียหาย เพราะนอกจากน้องแมวจะเจ็บตัวแล้ว เราก็อาจจะเจ็บใจที่ของที่เราเก็บเงินซื้อมาพังกระจายในพริบตาอีกต่างหาก

ยุคนี้เงินทองมันหายากนะรู้ไหม…เจ้าเหมียว

น้องแมวส่ายก้นกระดุ๊กกระดิ๊กทำไมกันนะ

ในพฤติกรรมน่ารักๆ ของน้องแมวหลายอย่าง การส่ายก้นกระดุ๊กกระดิ๊กนั้นคงเป็นอะไรที่เจ้าของแมวหลายคนไม่อาจละสายตาได้อย่างแน่นอน ซึ่งการส่ายก้นของแมวนั้นไม่ได้ทำเล่นๆ หากแต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นหนึ่งในพฤติกรรมการออกล่าของแมวที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยที่แมวยังคงเป็นสัตว์ป่า

ถ้าใครสังเกตให้ดีจะเห็นว่าก่อนแมวส่ายก้นมักจะอยู่ในท่าย่อตัวเตรียมตะครุบเสมอ เมื่อแมวส่ายก้นซักพักแล้วจึงค่อยกระโจนไปตะครุบเหยื่อจริงๆ หรือของเล่นที่เราล่อไว้ สาเหตุที่แมวทำเช่นนี้เป็นเพราะว่าแมวต้องการอุ่นเครื่องหรือวอร์มอัพกล้ามเนื้อตัวเองให้พร้อมก่อนการโจมตี ไม่ต่างอะไรจากนักกีฬาที่มีการขยับร่างกายให้ยืดหยุ่นก่อนลงที่จะลงแข่งจริง เช่น นักกอล์ฟก็จะมีการลองวาดวงสวิงก่อนตีจริงนั่นเอง อีกทั้งการทำแบบนี้ยังช่วยให้แมวโฟกัสกับเหยื่อได้ดีมากยิ่งขึ้น

อีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้คือการส่ายก้นนั้นเป็นการทดสอบดูว่าพื้นที่ตัวเองเหยียบอยู่นั้นมั่นคงแข็งแรงดีหรือไม่ เพราะการกระโจนจำเป็นต้องใช้แรงส่งจากขาหลังมาก การมีพื้นที่ที่มั่นคงจะทำให้สามารถพุ่งออกไปได้อย่างที่น้องแมวคาดการณ์และส่งผลทำให้การล่าครั้งนั้นประสบความสำเร็จด้วย

ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่ได้มีแค่แมวบ้านเท่านั้น หากแต่แมวป่าหรือสัตว์ตระกูลแมวก็สามารถแสดงพฤติกรรมส่ายก้นก่อนพุ่งกระโจนได้ด้วยเช่นกัน โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิดก่อนที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมตอนที่แมวฝึกล่าตอนที่เป็นเด็กๆ

ดังนั้นถ้าเราอยากเห็นน้องแมวส่ายก้นดุ๊กดิ๊กไปมาก็ลองหาของเล่นสไตล์เหยื่อล่อ เช่น ไม้ผูกเชือกติดพู่ตรงปลาย หรือเลเซอร์ ให้น้องแมวได้ลองกระโจนดู รับรองว่าน้องแมวจะส่ายก้นดุ๊กดิ๊กให้คุณเห็นอย่างแน่นอน

ดูก้นของเราซะมนุษย์ !

เจ้าของแมวหลายท่านคงได้มีโอกาสต้อนรับยามเช้าอันสดใสด้วยการลืมตาตื่นมาพบกับรูก้นน้องแมวจ่ออยู่ตรงหน้า หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเจ้าแมวถึงชอบโชวก้นใส่หน้าเราจังเลยนะ เพราะนอกจากตอนตื่นนอนแล้ว บางทีแมวก็ชอบเอาก้นมายื่นใส่หน้ามนุษย์ราวกับอยากอวดรูก้นและไข่แมวให้มนุษย์เห็นเต็มตาเสียเหลือเกิน

จริงๆ แล้ว นักวิทยาศาสตร์อธิบายพฤติกรรมโชว์ก้นของแมวนี้ว่าเป็นการทักทายสไตล์แมวๆ เพราะแมวนั้นสื่อสารกันด้วยกลิ่นเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ก้นแมวนั้นจะมีต่อมข้างก้นซึ่งทำหน้าที่สร้างสารที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ทำให้แมวดมก้นกันเพื่อเป็นการทักทายกันนั่นเอง เมื่อแมวมาอยู่กับมนุษย์ก็ยังเอาธรรมเนียมแบบแมวๆ มาให้มนุษย์ด้วย ทำให้เราเห็นว่าแมวชอบเอาก้นมาจ่อใส่หน้าเราเพื่อเป็นการบอกว่า “สวัสดีพวกมนุษย์” ประมาณนั้น

จุดสังเกตว่าน้องแมวโชว์ก้นด้วยความรู้สึกว่าอยากทักทายหรือไม่ก็คือการดูที่หาง ถ้าแมวเอาก้นมาหาเราพร้อมยกหางสูงเปิดให้เห็นรูก้นอย่างเต็มที่ นั่นแสดงว่าน้องแมวเชื่อใจและอยากทักทายกับเรา แต่แน่นอนว่ามนุษย์อย่างเราๆ ห้ามไปดมนะ รับไว้แค่ความรู้สึก็พอแล้ว

ในทางกลับกันถ้าน้องแมวรู้สึกไม่สบายใจ ขี้อาย หรือไม่อยากทักทายด้วย จะเอาหางชี้ลงเพื่อปิดรูก้นไว้อย่างมิดชิด ถ้าเห็นน้องแมวทำท่าแบบนี้ก็ปล่อยให้พวกเขาได้มีเวลาส่วนตัวเงียบๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าอารมณดีขึ้นแล้วเขาก็จะมาทักทายกับเราเอง

สิ่งสำคัญคืออย่าลืมดูแลความสะอาดก้นของน้องอยู่เสมอ โดยเฉพาะต่อมข้างก้นที่สามารถอุดตันจนอักเสบได้ ต่อมข้างก้นควรบีบออกทุกๆ 1-2 เดือน ซึ่งร้านอาบน้ำตัดขนส่วนใหญ่มักมีแถมบริการนี้ให้อยู่แล้ว 

ดังนั้นต่อไปนี้ถ้าน้องแมวโชว์ก้นให้เราเห็นก็แสดงว่าน้องไม่ได้อยากแกล้งเรา เพียงแต่อยากทักทายและแสดงความไว้ใจกับเราต่างหาก แต่ถึงกระนั้นถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องเอามาจ่อหน้าขนาดนั้นก็ได้นะ 

มันรู้สึกลำบากใจยังไงชอบกล

ทำหน้าอรุ่มเจ๊าะแบบนี้แสดงว่าต้องมีความลับอะไรแน่ๆ เลย

กระแสน้องแมวทำหน้าอรุ่มเจ๊าะบนโลกออนไลน์นั้นช่างร้อนแรงเหลือเกิน มีการโชว์หน้าแมวอรุ่มเจ๊าะเต็มโซเชียลมีเดียกันเต็มไปหมด ว่าแต่เราเคยสงสัยไหมว่าน้องแมวทำหน้าอรุ่มเจ๊าะไปทำไม เป็นท่าทางตลกๆ หรือแท้จริงแล้วมีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่านะ

คำตอบตรงนี้อาจจะไม่ชัดนัก แต่มีข้อสันนิษฐานหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือการทำหน้าอรุ่มเจ๊าะของแมวเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองที่เรียกว่า Flehmen Reaction ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อแมวสัมผัสได้ถึงกลิ่นฟีโรโมนหรือกลิ่นชีวเคมีต่างๆ เช่น กลิ่นปัสสาวะ หรือกลิ่นแมวตัวอื่น แมวจะยกริมฝีปากหรือเผยอปากขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูดเอาสารประกอบเคมีต่างๆ ในอากาศนั้นเข้าไปในช่องปากเพื่อส่งไปยังท่อเล็กๆ ที่เปิดตรงเพดานปากจากนั้นก็จะไปที่อวัยวะตัวรับที่เรียกกันว่า Jacobson Organ 

Flehmen Reaction นั้นทำหน้าที่ให้แมวสามารถรับกลิ่นฟีโรโมนและการสื่อสารด้วยกลิ่นต่างๆ ทำให้แมวสามารถแยกแยะอาณาเขตกันได้ รวมถึงช่วยในเรื่องของการหาคู่ ต่อสู้เพื่อแย่งอาณาเขต รวมไปถึงการแสดงความเป็นเจ้าของกับสิ่งของต่างๆ โดยถ้าเราเห็นแมวชอบเอาตัวถูไถกับสิ่งต่างๆ ก็เป็นการป้ายกลิ่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของที่รับรู้ได้ด้วย Flehmen Reaction นั่นเอง

ด้วยท่าทางแบบนี้ทำให้มีโอกาสมากที่แมวจะทำหน้าอรุ่มเจ๊าะออกมา และการตอบสนองแบบ Flehmen Reaction นั้นก็ไม่ได้มีแค่ในแมวด้วย หากแต่ในม้า สิงโต เสือ และสัตว์อื่นๆ อีกหลายชนิดก็มี Flehmen Reaction เช่นกัน ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ก็มีโอกาสทำหน้าอรุ่มเจ๊าะให้เราเห็นด้วยก็ได้

แต่อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานหนึ่งเท่านั้น เพราะ Flehmen Reaction อาจจะไม่ได้ทำให้เกิดหน้าอรุ่มเจ๊าะทุกครั้ง และที่สำคัญคือไม่แน่ว่าบางทีน้องแมวอาจจะทำหน้าอรุ่มเจ๊าะด้วยความรู้สึกอรุ่มเจ๊าะจริงๆ ก็ได้

ซี่งก็ไม่มีใครรู้…ยกเว้นแต่น้องแมวที่กำลังทำหน้าอรุ่มเจ๊าะใส่เราอยู่เท่านั้น

นั่งโชว์พุงพลุ้ยแบบนี้น่าจกจังเลยน้า

แมวนั่งนี่คงเป็นเรื่องธรรมดา แต่เวลาที่เราเห็นแมวนั่งท่าคล้ายมนุษย์แบบว่านั่งด้วยสองขาหลังแล้วปล่อยสองขาหน้าตามสบาย โชว์พุงพลุ้ยไม่สนใจใครราวกับว่าปลงทุกอย่างในชีวิตนี้แล้วคงเป็นอะไรที่แปลกตาไม่เบา จนทำเอาหลายคนสงสัยว่าแมวนั่งโชว์พุงนี้เป็นเรื่องปกติหรือเปล่านะ แล้วทำไมแมวถึงนั่งท่าแบบนี้กัน

จริงๆ แล้วหลายทฤษฎีเลยทีเดียวที่มาอธิบายเรื่องนี้ อย่างแรกสุดคือท่านี้มันนั่งสบายนั่นเอง เพราะน้องแมวนั่งท่าปกติแล้วอาจจะเมื่อย เมื่อนั่งท่านี้แล้วก็จะได้เปลี่ยนท่าทางทำให้หายเมื่อยและสบายตัวมากยิ่งขึ้น

เหตุผลต่อมาคือน้องแมวนั่งท่านี้แล้วเย็นสบายกว่า เพราะการนั่งทอดหุ่ยโชว์พุงนี้ทำให้ร่างกายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตรงท้องที่ปกติจะถูกนั่งทับได้สัมผัสกับอากาศมากขึ้น ทำให้ระบายอากาศและลดความร้อนในร่างกายน้องแมวได้มากกว่าเดิม

อีกเหตุผลคือนั่งท่านี้ทำให้แมวเลียขนตกแต่งตัวเองได้สะดวกกว่า เนื่องจากเป็นท่าที่น้องแมวหัวอยู่สูงทำให้สามารถก้มและเลียขนตัวเองตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะตรงท้องได้มากกว่าท่านั่งปกตินั่นเอง

เรื่องที่เราคิดว่าน่าสนใจถ้าพบว่าแมวนั่งโชว์พุงให้เราเห็นนั่นแสดงว่าน้องแมวนั้นไว้ใจและเชื่อใจคุณมากๆ เช่นเดียวกับท่านอนโชว์พุง เพราะท้องเป็นส่วนที่เปราะบางคล้ายจุดอ่อนที่แมวจะไม่ให้ใครเห็นง่ายๆ ถ้าไม่เชื่อใจพวกเขาจริงๆ

นอกจากนี้มีน้องแมวบางสายพันธุ์ที่มีโอกาสพบว่านั่งท่านี้มากกว่าน้องแมวพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย นั่นก็คือแมวสายพันธุ์ Scottish Fold ไม่มีใครรู้ว่าทำไมแมว Scottish Fold ถึงชอบนั่งท่านี้มากกว่าแมวพันธุ์อื่น แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ ในบรรดารูปแมวนั่งโชว์พุงในโลกออนไลน์ก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นน้องแมวพันธุ์นี้จนท่านั่งโชว์พุงนี้ได้ชื่อว่าเป็นท่านั่งประจำตัวแมว Scottish Fold  ไปเลยทีเดียว

พอรู้แบบนี้แล้วถ้าเห็นน้องแมวนั่งทอดหุ่ยโชว์พุงให้เราเห็นแล้วดูน้องกำลังสบายก็ลองไปลูบๆ คลำๆ ดู

ไม่แน่ว่าน้องอาจจะยอมให้เราจกพุงเล่นซักทีสองทีก็ได้นะ