Published on ISSUE 2
Patrick Osborne ผู้กำกับแอนิเมชันสั้นเรื่องนี้กล่าวว่า แรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้มาจากเขาเล่นแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “1secondeveryday” ที่สามารถสร้างหนังสั้นของตัวเองด้วยการนำวีดีโอความยาว 1 วินาทีมาต่อกัน ซึ่งเขาได้ลองทำหนังสั้นของตัวเองจากวีดีโอมื้อเย็นของตัวเอง

Feast : ฟัด ฟาด ฟิน

เรื่องและภาพ : หนุ่มนอกจอ

ไม่น่าดูเรื่องนี้เลยจริงๆ

นี่เป็นความรู้สึกแรกของผมหลังจากดูภาพยนตร์แอนิเมชันสั้นเรื่อง Feast ตอนกลางดึก ไม่ใช่ว่าหนังน่าเบื่อจนชวนง่วง หรือไม่สนุกตรงไหนอย่างไร กลับกันคือหนังเรื่องนี้สนุกเสียจนไม่อยากให้เป็นแค่แอนิเมชันสั้นด้วยซ้ำ แต่ปัญหาคือระยะเวลา 5 นาทีกว่าๆ ในหนังนั้นกลับระดมไปด้วยภาพอาหารน่ากินเสียจนผมรู้สึกหิวไส้กิ่วขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะไม่กินอะไรกลางดึกเพื่อลดน้ำหนักแล้วแท้ๆ

Feast เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสั้น โดยสตูดิโอชื่อก้องโลกอย่าง วอลท์ ดิสนีย์ ฝีมือผู้กำกับ Patrick Osborne โดย Feast เป็นเรื่องราวของชีวิตรักของชายคนหนึ่งที่ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาของสุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรียร์ ตัวน้อยที่เขาเลี้ยง โดยมีอาหารที่เจ้าน้องหมากินแต่ละมื้อเป็นตัวดำเนินเนื้อเรื่อง ตั้งแต่ที่น้องหมาได้พบกับชายหนุ่มครั้งแรก ใช้ชีวิต(และกินอาหาร)ร่วมกัน ชายหนุ่มเจอหญิงสาว และเรื่องราวชวนอบอุ่นหัวใจของทั้ง 2 คน และอีก 1 ตัว

Patrick Osborne ผู้กำกับแอนิเมชันสั้นเรื่องนี้กล่าวว่า แรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้มาจากเขาเล่นแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “1secondeveryday” ที่สามารถสร้างหนังสั้นของตัวเองด้วยการนำวีดีโอความยาว 1 วินาทีมาต่อกัน ซึ่งเขาได้ลองทำหนังสั้นของตัวเองจากวีดีโอมื้อเย็นของตัวเอง และพบว่ามันน่าจะนำไปต่อยอดทำเป็นหนังสั้นซักเรื่องได้ ก่อนที่ทางวอลท์ ดิสนีย์จะไฟเขียวจนกลายมาเป็น Feast ที่เจ๋งพอขนาดคว้ารางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันสั้น ประจำปี 2015 มาครองได้ในที่สุด

ภาพอาหารน่ากินที่สรรหามาให้คนดูไม่ยั้ง ภาพเจ้าน้องหมาบอสตัส เทอร์เรียร์ ที่ดูบ๊องๆ แถมตะกละตะกลาม แสงสีที่สวยงาม และการตัดฉากอย่างรวดเร็วนั้นทำให้การนำเสนอของเรื่อง Feast ดูทันสมัยและสดใหม่เป็นอย่างมาก โดยงานภาพที่เน้นลูกเล่นระยะชัดตื้น-ชัดลึก (Depth of Field) ที่เหมือนกับถ่ายทอดมุมมองของน้องหมาตัวเอกในเรื่อง เป็นลูกเล่นใหม่ที่แปลกตาและน่าสนใจ และโดยส่วนตัวผมชอบหลายฉากที่มีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องปิดทึบ ที่ผู้กำกับและทีมกำกับศิลป์ได้บรรจงใส่ฝุ่นละอองลอยค้างกระทบแสงแดดในอากาศด้วย แสดงถึงความประณีตเอาใจใส่และเก็บรายละเอียดทุกเม็ดจริงๆ จริงอยู่ที่ว่าบทอาจจะดูเดาง่ายและขาดมิติไปสักนิด แต่เมื่อมองไปถึงองค์รวมของตัวภาพยนตร์แล้วถือว่าเรื่องนี้เป็นแอนิเมชันสั้นที่ไม่ควรพลาดอีกเรื่องหนึ่ง ที่สามารถมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน

จำได้ว่าตอนที่ผมดูเรื่องนี้จบ แม้ท้องจะหิวจนร้องโครกคราก

แต่ไม่รู้สิ….บางที่ในใจ

มันกลับรู้สึกอิ่มยังไงชอบกล