Web Exclusive
ถ้าคุณเป็นเจ้าของแมว อาจจะต้องระวังมากขึ้นอีกนิดนึง เพราะไม่ใช่ต้นไม้ประดับบ้านทุกชนิดที่จะปลอดภัยต่อน้องแมว

6 ต้นไม้ประดับบ้านสุดฮิต ที่เป็นพิษต่อน้องแมว

เรื่อง : howl the team

ต้นไม้ประดับบ้านอะไร…ที่เป็นพิษกับน้องแมว

ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่ากระแสไม้ด่างกำลังร้อนแรงสุดๆ ทั้งในเฟซบุ๊กและไอจีเต็มไปด้วยเหล่าไม้ใบด่างเต็มไปหมด แน่นอนว่าการปลูกต้นไม้ในบ้านเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะนอกจากจะสวยงามและช่วยคลายเครียดแล้ว ต้นไม้ยังช่วยฟอกอากาศและลดมลพิษในบ้านได้อีกด้วย

แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของแมว อาจจะต้องระวังมากขึ้นอีกนิดนึง เพราะไม่ใช่ต้นไม้ประดับบ้านทุกชนิดที่จะปลอดภัยต่อน้องแมว ดังนั้นในคราวนี้เราจึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับต้นไม้ประดับบ้านสุดฮิตทั้ง 6 ชนิดที่เป็นพิษต่อแมว โดยไล่ระดับตามความอันตรายมาให้ได้รู้จักกัน เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงหรือหาวิธีป้องกันอย่างเหมาะสม

มาปลูกต้นไม้ไปพร้อมๆ กับดูแลให้น้องแมวปลอดภัยด้วยกันนะ

1. ไทรใบสัก

ต้นไทรใบสักหรือในชื่ออังกฤษว่า Fiddle-Leaf Fig นั้น เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แถบแอฟริกาตะวันตก ซึ่งมีภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย ถือเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ปัจจุบันนิยมปลูกในกระถางภายในบ้าน ทำให้สูงเต็มที่อาจจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร แต่หากปลูกลงดินสามารถสูงได้ถึง 12-14 เมตรเลยทีเดียว

ไทรใบสักมีความสวยงามที่ใบใหญ่ เฉดสีเขียวเข้มดูแล้วสบายตา สายปลูกต้นไม้ในบ้านอาจจะพบว่าไทรใบสักมีปัญหาเรื่องใบไหม้ ใบเหลือง หรือใบร่วงจนหมดต้นเนื่องจากได้รับแสงไม่เพียงพอหรือได้รับน้ำมากเกินไป

ส่วนความเป็นพิษต่อแมวนั้น พบว่าหากแมว (รวมไปถึงสุนัขด้วย) เผลอกินใบของต้นไทรใบสักเข้าไปจะทำให้ระคายเคืองช่องปาก น้ำลายไหลมาก และอาเจียนได้

ดังนั้นถ้าเจ้าของแมวคนไหนอยากเลี้ยงต้นไทรใบสักนี้ เราขอแนะนำว่าปลูกให้ต้นสูงหน่อยเพื่อให้แมวไม่สามารถเข้าถึงใบได้ง่ายนัก หรือแยกโซนไม่ให้แมวเข้าไปในห้องที่ปลูกต้นไม้นี้ได้เพื่อความปลอดภัยและถ้ามีใบร่วงอย่าลืมรีบเก็บทิ้งเพื่อความปลอดภัยของน้องแมวด้วยนะ

2. ยางอินเดีย

ต้นยางอินเดียหรือในชื่ออังกฤษว่า Rubber Plant นั้น เป็นต้นไม้ตระกูลเดียวกับต้นไทร ซึ่งจริงๆ แล้ว ยางอินเดียมีขนาดใหญ่เหมือนต้นยางทั่วไป เพียงแต่เมื่อนำมาปลูกในกระถางแล้วจะกลายเป็นต้นไม้ขนาดเล็กโตช้าแทน เมื่อโตเต็มที่จะมีรากอากาศเหมือนกับต้นไทร

จุดเด่นของต้นยางอินเดียคือใบที่มีขนาดใหญ่ เฉดสีเข้มตั้งแต่สีเขียวเข้มไปจนถึงเกือบดำ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมากและมีราคาสูงมากตอนนี้  ใบหนาและมีลักษณะมันเงา ต้นไม้ชนิดนี้ชอบแดดมาก ทำให้ถ้าเลี้ยงภายในบ้านจำเป็นต้องวางในจุดที่ได้รับแสงแดดประมาณ 3-5 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้มีใบมันสวยตลอดเวลา รวมไปถึงเนื่องจากใบมีขนาดใหญ่ จึงควรหมั่นเช็ดใบเพื่อกำจัดฝุ่นสกปรกอยู่เสมอจะช่วยให้ใบยิ่งมันและเงางามมากยิ่งขึ้น ข้อดีอีกประการของต้นยางอินเดียคือสามารถช่วยฟอกอากาสได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจึงเหมาะปลูกในห้องที่เรามักอยู่บ่อยๆ เช่น ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น

ต้นยางอินเดียนั้นมียางมีข้นขาวเช่นเดียวกับต้นยางทั่วไป หากเด็ดใบหรือกรีดลำต้นก็จะมียางออกมา ซึ่งยางเหล่านี้เองที่เป็นพิษต่อแมว หากแมวเผลอกินเข้าไปจะทำให้ระคายเคืองช่องปากและอาเจียนได้ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับเจ้าของแมวคืออย่าให้แมวเคี้ยวหรือกัดใบเล่น รวมไปถึงระวังอย่าให้แมวเอาเล็บข่วนลำต้น เพราะยางอาจจะติดตามตัวและแมวเผลอเลียเข้าไปได้

3. กวักมรกต

ต้นกวักมรกตหรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Emerald Palm เป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึดทนทานและต้องการการดูแลน้อย ต้นกวักมรกตเป็นต้นไม้หัวขนาดเล็ก ลำต้นเรียวยาว มีใบขึ้นเรียงกัน โดยจะมีสองสายพันธุ์คือใบสีเขียวและใบสีดำเงา ใบจะเป็นแผ่นเรียบเป็นมัน เมื่อปลูกในกระถางต้นอาจสูงได้ตั้งแต่ 30-80 ซม.

ต้นไม้ชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องของความอึดมาก บางคนถึงกับกล่าวว่าต้นกวักมรกตนั้นแทบไม่ต้องการการดูแลเลย แม้จะอยู่ในห้องที่แสงน้อยและไม่ต้องการการรดน้ำมาก เพียงแค่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ เนื่องจากกวักมรกตเป็นพืชที่เก็บน้ำไว้ในใบได้ดี

นอกจากจะเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายเหมาะสำหรับคนเพิ่งลองหัดปลูกต้นไม้ในบ้านแล้ว กวักมรกตยังมีชื่อด้านความเชื่อด้วยว่าหากปลูกแล้วจะช่วยเรื่องโชคลาภให้กับเจ้าของบ้าน และกวักเงินกวักทองเข้าบ้านให้ร่ำรวย แต่ถึงกระนั้นต้นกวักมรกตกับเป็นพิษต่อแมว โดยทุกส่วนของต้นนั้นหากแมวเผลอกินเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองในปาก ปากบวม น้ำลายไหลมาก เบื่ออาหาร รวมไปถึงหายใจลำบาก ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินเข้าไป ดังนั้นเจ้าของแมวอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ หรือวางต้นไม้ไว้ในจุดหรือห้องที่แมวเข้าไม่ได้แทนเพื่อความปลอดภัย

4. ว่านหางจระเข้

ต้นว่านหางจระเข้หรือในชื่ออังกฤษว่า Aloe Vera นี้ เป็นต้นไม้มากสรรพคุณที่เรารู้จักกันมานาน เป็นที่รู้กันว่าใบของต้นว่านหางจระเจ้มีสรรพคุณในการรักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก รวมไปถึงสามารถนำไปทานได้ ส่วนเมือกก็มีการนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ความงามอีกด้วย

นอกจากสรรพคุณเหล่านี้แล้ว ต้นว่านหางจระเข้ยังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศชั้นเยี่ยม เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ปล่อยออกซิเจนออกมาในเวลากลางคืน จึงเหมาะมากสำหรับการปลูกในห้องนอนเพื่อช่วยลดมลพิษ

สำหรับการดูแลต้นว่านหางจระเข้นั้นทำได้ไม่ยาก อย่างแรกคือต้องให้ได้แดดระดับปานกลางซัก 4-6 ชั่วโมงต่อวัน และระวังเรื่องรดน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้รากเน่าและตายได้ ส่วนความเป็นพิษต่อแมวคือที่ใบของต้นว่านหางจระเข้ จะมีสารพิษที่มีชื่อว่า Saponins และ Anthraquinones ซึ่งเมื่อแมวกินเข้าไปแล้วจะทำให้อาเจียน อ่อนแรง รวมไปถึงท้องเสียได้ ดังนั้นถ้าเจ้าของแมวคนไหนคิดจะปลูกต้นไม้มากประโยชน์ชนิดนี้ก็ควรระวังให้ดี เพราะแม้จะมีข้อดีมากมายแต่เขาก็เป็นอันตรายต่อแมวเช่นกัน

5. Monstera

Monstera หรือต้นพลูฉีกและพลูแฉก ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งใบไม้เลยทีเดียว เพราะรูปร่างใบที่สวยงามและแปลกตาราวกับเป็นงานศิลปะที่ถูกฉลุหรือตัดอย่างประณีต

ต้น Monstera เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แถบร้อนชื้นและป่าดิบเขาของทวีปอเมริกา ต้นไม้ชนิดนี้มีสายพันธุ์ต่างๆ มากถึง 50 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้คือ Monstera Deliciosa ด้วยความสวยงามนี้เองทำให้มีคนนำต้น Monstera ไปประดับในบ้าน รวมไปถึงตกแต่งต่างๆ เราจะเห็นต้นไม้ชนิดนี้ในโบรชัวร์ของ IKEA อยู่บ่อยๆ ส่วนในไทยนั้นก็มีกระแสดังขึ้นหลังจากที่ญาญ่าถ่ายภาพคู่กับต้นไม้ชนิดนี้ลง Instagram

แม้ว่าจะดูปลูกยากแต่ Monstera เป็นต้นไม้ที่ต้องการการดูแลไม่มากนัก ไม่ชอบแสงแดดมาก ชอบความชื้น ดังนั้นจึงเหมาะกับการปลูกในห้องแอร์ และไม่ควรรดน้ำมากจนดินแฉะเพราะจะทำให้รากเน่าได้ นอกจากนี้ก็ไม่ควรให้ Monstera สัมผัสกับแสงแดดแรงๆ โดยตรงเพราะจะทำให้ใบไหม้ได้

แต่น่าเสียดายที่ต้นไม้ชนิดนี้ค่อนข้างเป็นพิษต่อแมว โดยในใบของต้น Monstera มีสารพิษที่มีชื่อว่า calcium oxalates ส่งผลให้ถ้าแมวกินหรือกัดใบเข้าจะทำให้ระคายเคืองช่องปากอย่างรุนแรง ปากและลิ้นบวม น้ำลายไหลมาก กลืนอาหารลำบาก รวมไปถึงอาเจียนร่วมด้วย

ถ้าใครเลี้ยงแมว เราขอไม่แนะนำให้ปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไว้ภายในบ้าน แต่ถ้าอยากปลูกจริงๆ อาจจะต้องต่อกระถางให้สูงขึ้นจากพื้น เพื่อให้แนวใบของต้น Monstera ชูขึ้นอยู่เหนือแนวที่แมวจะสัมผัสได้แทน

6. ลิ้นมังกร

ต้นลิ้นมังกรหรือ Snake Plant เป็นไม้ประดับเก่าแก่ที่เรารู้จักกันดีตั้งแต่เด็ก ต้นไม้นี้มีจุดเด่นที่ใบที่แข็งและเรียวยาวคล้ายกับลิ้นหรืองู สีเขียวเข้มหรืออาจมีลายพาดเหลืองในบางสายพันธุ์

ถิ่นกำเนิดของต้นลิ้นมังกรอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้ ในแถบพื้นที่แห้งแล้งและมีแดดจัด ทำให้ต้นไม้ชนิดนี้อวบน้ำ เก็บน้ำไว้ที่ใบได้มาก และยังทนทานมาก สามารถปลูกได้ทั้งในพื้นที่มีแสงแดดมากและแสงแดดรำไรได้ทั้งคู่ ทำให้ต้นลิ้นมังกรเหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่อยากลองหัดปลูกต้นไม้

นอกจากจะปลูกง่ายแล้ว ต้นลิ้นมังกรยังเหมาะกับการปลูกในห้องนอน เพราะเป็นต้นไม้ที่คายออกซิเจนออกมาในเวลากลางคืนเช่นเดียวกับต้นว่านหางจระเข้ และยังช่วยฟอกอากาศได้ดีอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายขึ้น

ส่วนเรื่องความเป็นพิษต่อแมวนั้น พบว่าใบของต้นลิ้นมังกรมีสาร Saponin อยู่ ทำให้หากแมวเผลอกัดหรือกินเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียได้ แม้ว่าจะไม่ได้มีความเป็นพิษมากนัก แต่อย่างไรก็ดีเพื่อความปลอดภัยควรปลูกต้นลิ้นมังกรให้ห่างจากตัวแมว ทั้งแมวและเราจะได้สบายใจกันทั้งคู่ดีกว่า