Published on ISSUE 6
และป๋าเจี๊ยบเองก็ได้สอนให้เรารู้ว่า บางครั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต...ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการที่ได้ตื่นขึ้นมาพบหน้ากันในทุกวันนั่นเอง

Beautiful Mind

เรื่องและภาพ : howl the team

“จากบ้านที่แห้งแล้ง กลายเป็นบ้านที่ชุ่มชื่น

จากบ้านที่ไร้ชีวา กลายเป็นบ้านที่มีชีวิต

จากเพื่อนเก่าที่คบกันมา ขยายกลุ่มเป็นเพื่อนที่มีใจรักหมาเหมือนๆ กัน

เปิดโลกที่เคยปิดตัวอยู่แต่ในบ้าน จนบัดนี้ โลกของครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป

ด้วยพลังของเจ้าตัวน้อยของบ้านที่ชื่อ…มะขวิด”

 

และนี่คืออีกหนึ่งข้อความประทับใจของคุณวรพจน์ พันธุ์เสนา หรือคุณเจี๊ยบ ชายหนุ่มท่าทางใจดีที่ทุกคนต่าง

พากันเรียกว่า ป๋าเจี๊ยบ ซึ่งเรื่องราวน่ารักๆ และประสบการณ์ระหว่างป๋าเจี๊ยบและสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ของเขา

ก็น่าสนใจจนมีสำนักพิมพ์มาติดต่อให้ทำเป็นหนังสือเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวและเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของ

ทั้งมะขวิดและป๋าเจี๊ยบเองอีกด้วย ซึ่งชื่อหนังสือก็ตั้งขึ้นมาสั้นๆ ง่ายๆ ว่า มะขวิดนั่นเอง

ส่วนการพบเจอกันระหว่างป๋าเจี๊ยบและมะขวิดในครั้งแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อป๋าเจี๊ยบบังเอิญไปเที่ยวบ้านเพื่อนแล้วพบว่า สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ของที่บ้านเพื่อนออกลูกครอกใหม่มาพอดี ซึ่งจากทั้งหมด 11 ตัว ก็เหลือเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ยังไม่มีเจ้าของ เพราะเป็นตัวที่มีขนาดเล็กที่สุดและดูไม่แข็งแรง

ด้วยความที่ป๋าเจี๊ยบ ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบในความน่ารักแสนรู้และอยากเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับเพื่อนก็เห็นว่าป๋าเจี๊ยบเป็นคนที่ดูแลสุนัขได้ดี จึงบอกให้ป๋าเจี๊ยบช่วยรับเจ้าตัวเล็กตัวสุดท้ายนี้ไปดูแลหน่อย และนั่นคือที่มาของ “มะขวิดลูกป๋าเจี๊ยบ” ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบันนั่นเอง

แต่ด้วยความที่เมื่อแรกเกิดมะขวิดตัวเล็ก เพราะแย่งกินนมแม่จากลูกสุนัขตัวอื่นไม่ทัน ทำให้ในช่วงแรกป๋าเจี๊ยบต้องพบเจอกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เริ่มรับมาเลี้ยง ทั้งอาการท้องเสียและโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งโรคลำไส้อักเสบนี้โดยส่วนใหญ่ถ้าเกิดขึ้นในลูกสุนัขมักจะมีโอกาสรอดชีวิตน้อย ซึ่งป๋าเจี๊ยบเองก็เล่าว่า ในตอนนั้นค่าตรวจและค่ารักษาก็ค่อนข้างแพง แต่ตนก็รู้สึกว่าถึงจุดนั้นมันก็ต้องถึงไหนถึงกันแล้ว และโชคดีที่ตรวจพบเร็วและรีบทำการรักษา เลยทำให้มะขวิดสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้

และนั่นก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ช่วยเพิ่มความผูกพันและทำให้ความรักที่มีต่อกันเพิ่มมากขึ้น ถึงขนาดว่าป๋าเจี๊ยบที่เมื่อก่อนออกดื่มกับเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ ทุกวันนี้ก็ลาวงการเพราะเปลี่ยนมาอยู่บ้าน ดูแลเอาใจใส่ และเลี้ยงน้องมะขวิดแทน

“มะขวิด เป็นสุนัขที่ขี้อ้อนมาก แบบนี้ (มะขวิดเอาหัวมาซบที่ตักป๋าเจี๊ยบ) นอกจากขี้อ้อนแล้วยังเป็นหมาที่ฉลาดและไม่ดื้อด้วย แต่ว่าขี้ตกใจ ขี้กลัว และไม่ชอบหมาด้วยกัน คือจะชอบเข้าสังคมของคนมากกว่า อย่างในคราวนี้ที่เพิ่งผ่าตัดมาต้องนอนโรงพยาบาล 10 วัน ด้วยความที่ตั้งแต่เกิดมามะขวิดไม่เคยไปนอนที่อื่นนอกจากบ้านเลย แต่คราวนี้ต้องมานอนโรงพยาบาลยาว เขาก็ยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับคุณหมอและคนในโรงพยาบาลนี้ได้”

 

IMG_6370

 

ในแต่ละวัน มะขวิดจะตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อเข้าไปปลุกคุณยายในห้องนอนให้ออกมาขายขนม หลังจากคุณยายขายขนมเสร็จก็จะให้มะขวิดกินข้าว จากนั้นมะขวิดก็จะออกไปวิ่งเล่นตามปกติ พอถึงช่วงบ่ายโมงถึงหกโมงเย็นก็จะเป็นช่วงนอนพักผ่อนประจำวัน เพราะเป็นเวลาที่คนในบ้านส่วนใหญ่ออกไปทำงาน และในยามว่างมะขวิดก็ยังเป็นพี่เลี้ยงให้น้องแมวที่บ้านอีกด้วย ซึ่งมะขวิดจะเล่นและคลุกคลีกับแมวได้ดีกว่าสุนัข อาจจะเพราะในสมัยเด็กๆ มะขวิดเติบโตมาพร้อมกับแมวนั่นเอง

“มะขวิดเป็นสุนัขที่ใช้งานง่ายมาก บางทีเรานั่งอยู่เฉยๆ ขี้เกียจหยิบของ ก็แกล้งพูดออกไปเล่นๆ ว่า หยิบของมาให้ป๋าหน่อย ไม่ได้คิดจริงๆ หรอกว่ามะขวิดจะหยิบมาให้ แต่ปรากฏว่าเขากลับหยิบของมาให้ได้จริงๆ เช่น เวลาทำกระเป๋าเงินตก ก็จะมองมะขวิดก่อนแล้วพูดว่าหยิบกระเป๋าเงินมาให้ป๋าหน่อย ปรากฏว่าเขาก็วิ่งไปคาบมาให้จริงๆ ซึ่งสามารถแยกได้อีกด้วยว่าสิ่งไหนเป็นของที่เราต้องการ”

และด้วยความน่ารักและช่างแสนรู้นี้เอง เมื่อป๋าเจี๊ยบเริ่มทำแฟนเพจในเฟสบุ๊ค ก็ได้มีการโพสต์รูปและเรื่องราวน่ารักๆ ของมะขวิด ทำให้มีผู้ชื่นชอบและคนติดตามกันเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดที่ว่ารายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” เอาเรื่องราวของมะขวิดไปนำเสนอในรายการเลยทีเดียว และนั่นก็ทำให้มะขวิดและป๋าเจี๊ยบได้ถูกเชิญให้ไปออกรายการในที่สุด ซึ่งภายหลังการออกรายการในวันนั้น ก็ทำให้ยอดไลค์ในแฟนเพจเฟสบุ๊คเพิ่มขึ้นจาก 20,000 คน เป็นจำนวน 200,000 กว่าคนภายในคืนเดียว

โดยท่าประจำของมะขวิดคือ การพยักหน้าตอบรับเสมือนกับคน ในเวลาที่ป๋าเจี๊ยบชูขนมขึ้นในมือและถามว่าจะเอาหรือไม่ ซึ่งวิธีการฝึกนั้น ป๋าเจี๊ยบเล่าว่าตนเองได้ศึกษาและดูคลิปวิดีโอการสอนมาจากซีซาร์ มิลลาน สุดยอดครูฝึกสุนัขชื่อดัง และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของตนเอง

“ยกตัวอย่างเช่น เรื่องความสงบก่อนออกจากบ้าน คนเลี้ยง โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ทุกคนจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า สุนัขพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีนิสัยกระตือรือร้นมาก เวลาเปิดประตูบ้านก็จะชอบพุ่งตัวออกไปก่อนเสมอ เราจึงใช้หลักการของซีซาร์ มิลลาน มาฝึกสอนคือ การทำให้เขารู้สึกว่าเราเป็นจ่าฝูง ซึ่งที่บอกว่าเราต้องเป็นจ่าฝูงเพราะเวลาที่จะเปิดประตูบ้าน เราก็จะต้องคอยควบคุมเขาให้ยืนรออยู่ก่อนจนกว่าเขาจะสงบ พอเห็นว่านิ่งดีแล้ว ค่อยอนุญาตให้ออกไปได้ พอเราฝึกทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาก็จะรู้และเข้าใจแล้วว่านี่เป็นคำสั่งจากเรานะ จากนั้นพอสั่งเขาทำอะไร ก็จะสามารถเข้าใจและทำตามได้โดยง่าย”

นอกจากชื่อเสียงของมะขวิดที่ทำให้ป๋าเจี๊ยบได้มีโอกาสไปพบเจอกับสังคมใหม่ๆ มากขึ้นแล้ว ยังเป็นผลดีให้กับครอบครัวของป๋าเจี๊ยบเอง จากเมื่อก่อนที่ทุกคนในบ้านจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ถึงเวลาก็แยกย้ายกันออกไปทำงาน พอมีมะขวิดเข้ามาเป็นศูนย์กลางก็ทำให้คนในครอบครัวเริ่มมีกิจกรรมที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันและพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งกิจกรรมที่พูดถึงก็อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างพามะขวิดไปหาหมอ ไปเดินเล่น หรือหาข้าวให้มะขวิดกิน แค่นี้เอง

และล่าสุด เราได้พบกับมะขวิดที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาสุขุมวิท โดยป๋าเจี๊ยบพามาพบคุณหมอเพื่อดูอาการก้อนเนื้อที่ปูดขึ้นมาบริเวณสะโพกด้านหลัง ซึ่งคาดการว่าน่าจะเกิดจากตอนที่เด็กๆ โดนฉีดยา แล้วปรากฏว่ายาที่ฉีดไม่กระจายออกไป ทำให้ร่างกายสร้างไขมันขึ้นมาหุ้มยาที่ฉีดนี้ไว้ เมื่อเวลาผ่านไปจึงเกิดเป็นก้อนเลือดที่โตขึ้น และคุณหมอกลัวว่า ถ้าปล่อยทิ้งให้นานไปอาจจะเกิดเป็นเนื้อร้ายได้ เลยตัดสินใจผ่าออกเพื่อความสบายใจน่าจะดีกว่า และการผ่าตัดนี้เอง ทำให้มะขวิดต้องนอนโรงพยาบาลพักฟื้นกว่า 10 วัน อย่างที่เราได้พูดถึงกันไปเมื่อตอนต้นนั่นเอง

ในระหว่างการสัมภาษณ์ได้มีผู้คนเข้ามาขอถ่ายรูปกับมะขวิด และป๋าเจี๊ยบก็ให้การต้อนรับกับทุกคนเป็นอย่างดี ทั้งยังให้เหล่าแฟนคลับได้ลองสาธิตการให้ขนมแก่มะขวิด โดยมะขวิดเป็นผู้พยักหน้าตอบคำถามได้อีกด้วย ซึ่งเรียกเสียงปรบมือและรอยยิ้มให้กับผู้ที่ได้พบเห็น และเชื่อแน่ว่าใครที่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น จะต้องหลงรักเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่มีชื่อว่า มะขวิด อย่างแน่นอน

และป๋าเจี๊ยบเองก็ได้สอนให้เรารู้ว่า

“บางครั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต…ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการที่ได้ตื่นขึ้นมาพบหน้ากันในทุกวันนั่นเอง”

 

https://www.facebook.com/ma.kidd.thailand
เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพโดย โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาสุขุมวิท