หนุ่มฮิปฮอป เพลงจังหวะโย่วๆ มาดลุกแบดบอย
คงเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึง โก๋-เอ็ม หรือคุณเอ็ม – กิตติพงษ์ คำศาสตร์ หนึ่งในนักร้องของวงบุดด้า เบลส นั่นเอง แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังบทบาทนักร้องฮิปฮอปจังหวะสนุกๆ และชีวิตในวงการเพลงของเขานั้น ความจริงแล้วชายหนุ่มคนนี้คือหนึ่งในผู้ทำงานอาสาเพื่อช่วยเหลือสุนัขจรจัดในระดับที่เรากล้าบอกเลยว่าเข้มข้นมาก
นอกจากงานอาสาที่เขาทั้งช่วย ทั้งเก็บมาเลี้ยงเอง จนตอนนี้มีสุนัขกว่า 20 ตัว แล้ว เขายังเป็นคนริเริ่มทำรายการทีวีเกี่ยวกับสุนัขจรจัดชื่อว่า “หมากาพย์ หมาจร” ซึ่งเป็นรายการที่ทำมาเพื่อให้คนทั่วไปได้เห็นปัญหาและรู้ว่าสุนัขจรจัดจริงๆ นั้นมีชีวิตและความเป็นอยู่อย่างไร
ความจริงแล้วคุณเอ็มนั้นไม่ได้ช่วยเหลือแค่สุนัขจรจัด หากแต่เขาช่วยเหลือสัตว์ทุกชนิดที่เขาเห็นว่าสามารถช่วยได้ ทั้งแมว แพะ กระต่าย เต่า หมูบ้าน หรือแม้กระทั่งหมูป่า จนตอนนี้ที่บ้านของเขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด ราวกับว่าอยู่ในสวนสัตว์ก็ไม่ปาน
ในครั้งนี้เราจะมาเล่าเรื่องชีวิตและความคิดของคุณเอ็ม ที่ไม่ใช่ในแง่ของศิลปินเพลง หากแต่ในแง่ของงานอาสาช่วยเหลือสุนัขจรจัดของเขา และวิถีทางการเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อช่วยเหลือสุนัขจรจัดอย่างแท้จริง
นี่คืออีกด้านหนึ่งของหนุ่มฮิปฮอปคนนี้ ที่เราคิดว่าคุณไม่เคยเห็น
และเป็นอีกด้านที่ทั้งเท่ ใจดี ตลก และอบอุ่นเอามากๆ เลยทีเดียว
อัพเดททั้งชีวิตการงานและด้านอาสาสุนัขจรจัด
ช่วงนี้ผมก็ร้องเพลงบ้างเป็นอาชีพหลัก แต่ตอนก่อนร้องเพลงเราเคยทำอาชีพเกี่ยวกับศิลปะมาก่อน แต่ก็หยุดไปร้องเพลง แต่ตอนนี้เริ่มทำงานศิลปะขึ้นมาใหม่ เลยทำ 2 อาชีพนี้ควบคู่กันไป
ส่วนงานด้านอาสาสุนัขจรจัด ก็อย่างที่คุณเห็นอยู่เลย สุนัขและบ้านที่ต่างจังหวัดที่อยากให้เป็นที่เลี้ยงสุนัขได้เยอะๆ แบบที่นี่ คือบทบาทอาสาทั้งหมดที่ผมทำเลยนะ หมาที่อยู่ที่นี่ทุกตัวเคยเป็นหมาจรจัดมาก่อน เคยถูกช่วยเหลือและมีเรื่องราวมาก่อน ส่วนที่ต้องมาเลี้ยงที่นี่ (บ้านต่างจังหวัด) เพราะว่าบ้านผมที่กรุงเทพฯ มีพื้นที่ไม่เพียงพอ เลยเป็นแผนการที่ต้องย้ายสุนัขจรจัดที่ผมเลี้ยงมาไว้ที่นี่ เพราะที่นี่มีพื้นที่มากกว่า อากาศก็ดีกว่า
จุดเริ่มต้นของงานอาสา
ขอเริ่มต้นที่หมาตัวแรกที่ผมเลี้ยงก็แล้วกัน เป็นหมาพันธุ์พิทบูล ตอนนั้นผมอยากเลี้ยงหมาพันธุ์นี้มาก ตรงใจเรามาก อยากเท่ ยอมรับว่าตอนนั้นผมเลี้ยงก็จริงแต่เลี้ยงไม่ค่อยดี เพราะผมไม่ค่อยได้ดูแล ถ้าถามว่ารักไหม ตอนนั้นผมคงตอบว่ารัก แต่ถ้าถามผมตอนนี้ผมขอบอกเลยว่าถ้าเลี้ยงแบบนั้นไม่ได้รักหรอก เพราะไม่มีความใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพของเขาเลย
พอเขาตายไป เราก็เริ่มเลี้ยงหมาจรกับแฟน โดยสุนัขตัวแรกที่เอามาเลี้ยงเป็นหมาพิการ ชื่อว่า พิ้งค์กี้ พี่ที่ทำงานอาสาด้วยกันบอกว่าเจอหมาพิการถูกทิ้ง สภาพโทรมมาก แฟนกับผมมองหน้ากันก็ตัดสินใจเลยว่ารับเถอะ สงสาร ไม่ไหวแล้ว ก็เลยได้มา
จากนั้นก็เริ่มมีหมาจรหาบ้าน พอหาไม่ได้ก็มาอยู่กับเรา (หัวเราะ) หรือบางทีช่วยมา หมาบางตัวนิสัยไม่ค่อยปกติ ขี้ระแวงบ้าง ชอบเห่าบ้าง ไม่มีใครเอา ผมก็รับเลี้ยงเอง ก็เลยเริ่มมีหมามากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้
งานศิลปะเพื่อสุนัขจรจัด
นอกจากร้องเพลงแล้วผมยังกำลังทำงานด้านศิลปะด้วย เช่น ขายรูปเขียน ขายของพรีเมี่ยม พวงกุญแจ กระเป๋า กระเป๋าเป้ พวกนี้ทำมาขายเพื่อช่วยสัตว์โดยตรงเลย เพราะบางทีเจอหมาต้องรักษาด่วนแต่เราไม่มีเงินเลย (หัวเราะ) เราก็โพสเลยว่ากระเป๋าล็อตนี้ 20 ใบครับ ได้เงินจะรีบโอนให้เป็นค่าสัตวแพทย์ก่อนเลย
จริงๆ ผมลืมไปแล้วว่านี่เป็นอาชีพผม เพราะก่อนมาร้องเพลงผมเคยทำงานเกี่ยวกับศิลปะมาก่อน หรืออาจพูดได้ว่าเพราะศิลปะเลยทำให้ผมได้ร้องเพลง ได้รู้จักโจอี้ บอย ได้รู้จักเพื่อนๆ ในวง แล้วผมก็ลืมเลือนมันไป จนกระทั่งผมได้ทำงานพวกนี้ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตอะไรของเราอยู่วะ บางทีผมเหนื่อยจากการทำงานร้องเพลงผมก็มีข้ออ้างที่จะไม่วาดรูป ตอนนี้ผมเลยกวดขันตัวเอง ตั้งใจกลับมาวาดรูป กลับมาอดหลับอดนอนเพื่อสร้างผลงานออกมา ตอนนี้ก็เริ่มมีคนรู้จัก เอามาขายเพื่อช่วยหมาด้วย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเป็นแรงผลักดันให้ผมอยากลุยต่อ
งานชิ้นแรกที่ทำเป็นภาพสีไม้ วาดมาเพื่อขายเอาเงินไปช่วยเคสหมาที่เป็นมะเร็ง ปรากฏว่าแป๊บเดียวก็ขายได้แล้ว ผมเลยเริ่มคิดว่าอยากวาดรูปมาเพื่อเอาเงินไปช่วยหมาตัวอื่นด้วย ก็เลยทำมาจนได้จัดนิทรรศการเองเป็นครั้งแรก
จากงานศิลปะสู่นิทรรศการ
ตอนทำนิทรรศการครั้งแรกเป็นงานสีขาวดำ ดุๆ เลย เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของคนกับสัตว์ที่เป็นสีดำ โดยเฉพาะหมาดำที่หาบ้านไม่ค่อยได้ เราก็เลยอยากวาดหมาดำที่สะท้อนอีกมุมหนึ่งในสังคม โดยงานนี้ผมไปจัดแสดงที่เชียงใหม่ หาเป้าหมายเป็นฝรั่ง เพราะผมเป็นคนแปลก ไม่อยากให้คนไทยรู้จัก อยากให้เขาชอบงานผมจริงๆ ไม่ใช่งานของโก๋ เอ็ม – บุดด้า เบลส สรุปขายได้ครับ แต่คนไทยซื้ออยู่ดี (หัวเราะ)
ครั้งที่สองพูดถึงเรื่องอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ เพราะทำงานด้านนี้และหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้วอิน ผมเลยลดละการกินเนื้อสัตว์ลง และเราก็อยากนำเสนอเรื่องราวตรงนี้ให้คนอื่นรู้ด้วย แต่จะไปเขียนเพลงก็คงยาก รู้สึกว่ามันเครียดไป ก็เลยมาวาดรูปแทน ได้ปล่อยของเต็มที่ โดยครั้งที่สองจัดที่ Hof Art Space แต่ครั้งที่ 3 พีคมากเราจัดที่ เกษรพลาซ่า กลางเมืองเลย และขายรูปได้เกือบหมดเลย
ผมรู้สึกว่าคนเริ่มเข้าใจแล้วนะ เราก็ตีโจทย์แตกว่าเราจะพูดเรื่องสัตว์ เป็นรูปที่คนรู้หรือไม่รู้เรื่องศิลปะก็ดูได้ แต่ละงานผมตั้งใจทำมาก และมาคุยกันได้เลยว่าทำไมถึงต้องซื้อรูปผม เพราะว่างานพวกนี้ทั้งหมดผมเอาเงินไปช่วยหมานะ ถ้าขายไม่ได้ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงหมาเหมือนกัน (หัวเราะ)
พูดกันตรงๆ อย่าหาว่าผมหยาบคายเลยนะ แต่สังคมนี้เห็บหมามันเยอะ เพราะเม็ดเงินมันเยอะก็เลยมีคนโกงกัน ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยใช้เงินตัวเองไง เอาเงินที่ผมร้องเพลง ขายงานศิลปะ มาช่วยหมาเองเลยดีกว่า
หมากาพย์ หมาจร
เราทำรายการนี้เพราะว่าเราอยากทำงานเพื่อสังคม แล้วเราก็อินเรื่องสุนัขจรจัด พอผมได้ทำรายการได้ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ เราก็พบว่ามันยากนะที่จะให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องสุนัขจรจัดในประเทศไทย ตอนที่เราไปทำรายการเราเห็นได้จากทุกเทปเลยว่ามีคนรัก แต่รักผิดวิธี คุณเลี้ยง แต่คุณไม่ได้ดูแลให้ดี ปล่อยให้เขาทำบ้านคนอื่นสกปรก มันก็ทำให้คนอื่นเกลียดหมาแมวเพิ่มขึ้น ขอเรียกว่าเป็นเรื่องของจิตสำนึกดีกว่า
ตอนทำรายการนี้ เราแทบไม่ได้เงินสนับสนุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่เลย แต่กลับได้จากผู้ประกอบการรายเล็กที่อยากช่วยเหลือเราจริงๆ อย่างเดียวเลย รถที่ไว้ออกกองก็ได้ของพี่โจอี้ บอย ให้ยืมมา คือมันตลกนะ เพราะตอนที่เริ่มทำมีแต่คนบอกว่ารายการมึงเจ๊งแน่ แต่ตอนนี้ที่ผมยังไม่ได้ทำต่อไม่ใช่เพราะว่าเจ๊งนะ ตอนนี้มีสปอนเซอร์มาทำต่อด้วยแล้ว ติดปัญหาแค่ว่าหมดสัญญากับช่องเดิมและยังไม่มีช่องให้ลงแค่นั้นเอง
การทำรายการทีวีก็เหมือนกับกระบอกเสียงของหมานะ ให้คนได้เห็นว่าหมาแมวถูกทิ้งเป็นแบบนี้นะ และผมอยากให้มันเป็นรายการที่มีสาระ บางทีถ้าผมทำเกมโชว์อาจจะรุ่งก็ได้นะ (หัวเราะ) แต่ผมไม่อยากทำไง บางทีกระแสตอนนี้อาจจะต้องการเรื่องตลกมากกว่า แต่ผมก็พยายามทำให้เป็นรายการที่มีสาระแบบยาหวานทานง่ายแล้วนะ ผมว่าผมทำที่สุดของแจ้เท่าที่ผมจะทำได้แล้วล่ะ (หัวเราะ)
จากช่วยหมา สู่การช่วยหมูป่าในเมือง
เป็นเทปรายการเทปหนึ่งที่ผมชอบมาก เริ่มมาจากทางสมาคมพิทักษ์สัตว์ป่า เขาแจ้งผมมาว่า “พี่เอ็ม มีหมูป่าโดนดัก สนใจไปถ่ายรายการไหม” ผมบอกว่าไปเลย ตอนแจ้งมาบอกว่ามีตัวเดียว ขาขาด เพราะโดนคนดักไปกิน เราก็ไปพหลโยธิน ในเมืองเลย ใช่ ในเมืองมีหมูป่า ปรากฏว่าที่นั่นมีหมูป่ากว่า 20 ตัว เราไปคุยกับคนพื้นที่เลยรู้ว่าหมูพวกนี้มาจากคนถวายศาลเจ้าแล้วแพร่พันธุ์ในป่าหลังตลาด มีคนคอยดักไปกินด้วย ผมเห็นแล้วก็คิดเลยว่าเราต้องย้ายพวกนี้ออกไปให้หมด แต่จะทำยังไงดี ใครจะเป็นคนจับหมูป่า
แต่ผมก็ได้สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทยมาช่วย ทางเขาประสานกับทางปศุสัตว์ในการขนย้าย ผมก็รีบโทรหาพี่น้องผองเพื่อนเพื่อช่วยระดมทุน ทุกคนก็ใจดีมาก ทุกคนรู้ว่าผมทำอะไร ผมก็ได้ทุนมาเพื่อช่วยงานครั้งนี้ เราระดมทีมหมอมายิงยาสลบหมูป่า ทุกคนทำงานกันเต็มที่ ตอนขนย้ายหมูมีคนโดนเหยียบทะลุตะปูตรงกองขยะทะลุเท้ามาอีกฝั่งเลย พวกผมก็ทำกันจนถึงตีสองตีสาม ฝนก็ตก แต่ก็ยังมีคนช่วยเราอยู่นะ ในที่สุดเราขนย้ายหมูไปได้หมด ส่วนตัวที่โดนดักขาขาดไป เป็นหมูสามขา ชื่อ พิกุล ผมเป็นคนรับเลี้ยงไว้เอง
การแก้ปัญหาสุนัขรจรจัดในมุมมองของคุณเอ็ม
จริงๆ ผมก็เคยนั่งคิดอยู่เหมือนกันนะ คนอื่นก็มาช่วยผมคิดเหมือนกัน ช่วยบอกว่า “มึงจะแก้อะไรได้เยอะ” (หัวเราะ) จริงๆ คือแก้ไม่ได้เยอะหรอก แต่ผมก็ยังพยายามคิดถึงหลายๆ ทางที่ช่วยสุนัขได้มากกว่านี้ แล้วก็พยายามทำสิ่งที่ตัวผมตอนนี้ทำได้ก่อน
แต่ถ้าถามใจผมนะ ผมอยากให้ทุกคนมาช่วยกัน พูดแบบหล่อๆ เลย เวลาเจอเคสหมาจรจัดอย่าเพิ่งคิดถึงมูลนิธิ อย่าเพิ่งคิดถึงกลุ่มเพื่อนข้างถนน ซอยด็อก ถ้าช่วยกันได้ สมมติว่าหมาตัวที่ว่าอยู่หน้าออฟฟิศคุณ ก็ช่วยกันระดมทุนในออฟฟิศ พาไปรักษาและทำหมันมัน แค่ช่วยกันคนละไม้คนละมือแค่นี้เอง การบอกให้คนไม่รักมารักมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมอยากบอกคนที่อยากช่วย มีใจรักสัตว์บ้าง ให้มาช่วยกันหน่อย ผมอยากให้กำลังใจคนรักสัตว์ด้วยกัน อยากให้ลองทำดู และอย่าเพิ่งท้อเลยนะ