Published on ISSUE 19
ก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงสุนัขซักตัวเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราพร้อมไหม มีเวลาให้เขาไหม มีพื้นที่ให้เขาได้วิ่งเล่นหรือเปล่า และพร้อมที่จะรับผิดชอบเขาไปอีก 10-20 ปีข้างหน้าไหม เราต้องตอบให้ได้

My Family Means You : ครอบครัวของฉัน คือ เธอ…แอนฟิลด์

เรื่องและภาพ howl the team

ในโลกที่แสนวุ่นวาย คงไม่น่าแปลกใจที่เราล้วนต้องการใครซักคนไว้คอยเป็นกำลังใจให้กัน คนที่คอยดูแล เป็นห่วงเป็นใย และพร้อมจะอยู่เคียงข้างกันเสมอไม่ว่าดีหรือร้าย และแท้จริงแล้ว คนๆนั้นอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลย…เพราะนั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” นั่นเอง

นิยามของคำว่า “ครอบครัว” ที่กล่าวไปเมื่อครู่ คือสิ่งที่พวกเรารับรู้ได้จากการพูคคุยกับคุณลูกปัด (สิตาพัสล์ คำแหง) คุณนนท์ (ศิวานนท์ มณีลาภ) และคุณฟ้า (อาภาพร คำแหง – น้องสาวคุณลูกปัด) หรือที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก Anfield Husky ทุกคนรู้จักกันดีในฐานะป่าป๊าและหม่ามี๊ของ “แอนฟิลด์” น้องหมาไซบีเรียนสุดน่ารัก ที่ขโมยหัวใจพวกเขาไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน…

“ตอนนั้นเราเรียนอยู่ประมาณปี 3 ตั้งแต่เห็นรูปเขาครั้งแรกก็รู้สึกว่าถูกชะตา รู้สึกว่านี่คือหมาของเรา ตอนนั้นแอนฟิลด์อายุ 2 เดือน หน้าเขาดูเท่มาก ลุคหยิ่งๆ เหมือนหมาป่า เราก็ชอบเลย” คุณลูกปัดเล่าถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับน้องหมาสุดหล่อตัวนี้ “เราหาข้อมูลเยอะพอสมควรก่อนเริ่มเลี้ยงเขา ด้วยความที่แอนฟิลล์ชอบเที่ยว เราเองก็ชอบเที่ยว เวลาไปไหนก็เลยพาแอนฟิลล์ไปด้วย ข้อดีของแอนฟิลล์คือเขาเป็นหมาร่าเริง เข้ากับคนได้ง่าย ไม่ดุเลย บางคนเห็นหน้าเขาดูดุและตัวใหญ่เลยอาจจะกลัว แต่จริงๆ เขาเป็นกันเองกับทุกคนนะ แล้วก็ขี้อ้อนมากๆ”

 

 

ที่มาของชื่อแอนฟิลด์นั้นมาจากที่คุณพ่อ (คุณนนท์) เป็นคนตั้งให้เพราะชื่นชอบทีมลิเวอร์พูลมาก แต่เพราะชื่อแอนฟิลด์นี้ประกอบกับหน้าหล่อๆ เลยทำให้มีแต่คนคิดว่าเป็นผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วคุณลูกปัดเฉลยว่าแอนฟิลล์เป็นผู้หญิง แถมยังเป็นคุณแม่แล้วด้วย

“แอนฟิลด์มีลูกสองตัว ชื่อว่าเมอร์ซีและนำทัพ”คุณแม่แอนฟิลด์ชี้ไปทางน้องไซบีเรียนขนฟูอีกสองตัวที่พามาในวันนี้ด้วย “นำทัพเป็นลูกตัวแรก ส่วนเมอร์ซีเป็นลูกตัวสุดท้อง ที่เกือบคลอดไม่ออกจนสุดท้ายต้องให้หมอช่วยผ่าออกมาให้”

ช่วงที่แอนฟิลด์เลี้ยงลูกมีเรื่องน่าประทับใจหลายอย่าง เช่น แอนฟิลด์จะกินอาหารเข้าไปแล้วสำรอกให้ลูกๆ กินเพราะกลัวว่าลูกจะหิว หรือแม้แต่ตอนนี้ที่เมอร์ซีและนำทัพโตจนหย่านมแล้ว แต่แอนด์ฟิลด์ก็ยังรอให้ลูกกินข้าวจนอิ่มก่อนตัวเองถึงจะยอมกิน และเมื่อเราถามถึงเคล็ดลับการดูแลว่าทำอย่างไรทั้งแอนฟิลด์และลูกๆ ถึงสุขภาพแข็งแรง คุณลูกปัดก็ตอบว่าสิ่งสำคัญคือต้องดูแลตั้งแต่เด็กให้ดี

 

 

“เราตั้งใจดูแลน้องๆ ตั้งแต่เด็กเลย โดยเฉพาะช่วงหลังหย่านม เราก็เริ่มให้อาหารสำหรับลูกสุนัข ที่บ้านเราจะไม่ให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขโตเด็ดขาดเพราะพลังงานไม่เพียงพอสำหรับลูกหมา เราก็เลือกจากการอ่านฉลาก ดูว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบตามที่ลูกสุนัขต้องการไหม ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็จะเลือกให้อาหารที่มีส่วนประกอบของ colostrum ข้อดีคือจะช่วยเรื่องภูมิต้านทานให้กับลูกสุนัขได้ดีมากๆ เหมือนกับเป็นตัวช่วยต่อจากนมแม่ ยิ่งถ้าเราดูแลเขาให้ดีตั้งแต่เด็กๆ มันจะทำให้เขาโตมาแล้วสุขภาพดี สภาพผิวหนังดี ขนสวย”คุณลูกปัดเล่าพลางลูบขนน้องแอนฟิลด์ที่นุ่มมาก “ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากอาหารจริงๆ นะ เราจะไม่ให้กินอาหารคนเด็ขาดเพราะไม่ดีต่อสุขภาพน้องหมา อาหารสุนัขเขาผลิตมาเพื่อสุนัข มันจึงดีที่สุดอยู่แล้ว”

“อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้คือการฉีดวัคซีน เพราะลูกหมาตอนแรกคลอดเขาจะได้รับภูมิคุ้มกันจากนมแม่ แต่พอหมดจากช่วงนั้นแล้วภูมิคุ้มกันของเขาก็จะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ก็ต้องพาเขาไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคที่สำคัญ”

 

 

ไซบีเรียน ฮัสกี้ ถือว่าเป็นสุนัขที่เลี้ยงค่อนข้างยาก เพราะมีแรงเยอะและต้องใช้เวลาดูแลใจใส่มาก พอเราถามคุณลูกปัดถึงเรื่องนี้ เธอก็บอกว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงสุนัขซักตัวหนึ่งคือเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับเขาแล้ว

“ก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงสุนัขซักตัวเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราพร้อมไหม มีเวลาให้เขาไหม มีพื้นที่ให้เขาได้วิ่งเล่นหรือเปล่า และพร้อมที่จะรับผิดชอบเขาไปอีก 10-20 ปีข้างหน้าไหม เราต้องตอบให้ได้ เพราะตอนที่ยังเป็นลูกหมาก็น่ารักดี แต่เขาต้องโตขึ้นทุกวัน ต้องแก่ตัวลง วันหนึ่งเขาอาจจะป่วยและไม่เหมือนเดิม เราจะยังรักเขาอยู่ไหม”คุณลูกปัดตอบด้วยความรู้สึกที่ไม่ใช่เพียงแค่ความรัก แต่ยังเป็นความตั้งใจจริงที่เราสัมผัสได้

“เราไม่ได้มองว่าเขาคือหมา แต่เรามองว่าเขาคือ ครอบครัว ก็เลยรู้สึกว่าอยากดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

บางทีนิยามคำว่าครอบครัวของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับเรื่องราวของครอบครัวแอนฟิลด์ที่ทุกคนต่างมอบความห่วงใยและความอบอุ่นให้กันเสมอมา รอยยิ้มของพวกเขาคงเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่า…ความหมายของคำว่าครอบครัวของพวกเขาคงมีเพียงความหมายเดียว นั่นคือ….

“ครอบครัว แปลว่า เราจะรักและดูแลกันตลอดไป”