Published on ISSUE 14
ด้วยความโด่งดังของสุนัขจิ้งจอกแดง เรียกได้ว่าทำให้จิ้งจอกพันธุ์นี้กลายมาเป็นภาพจำในฐานะตัวแทนรูปลักษณ์ของสัตว์ในตระกูลจิ้งจอกทั้งหมด

Red Fox : ตำนานศักดิ์สิทธิ์แห่งจิ้งจอกเก้าหาง

เรื่อง howl the team ภาพ : ชาพีช

ถ้าจะให้นึกถึงตำนานสุนัขจิ้งจอกที่โด่งดังที่สุดในโลก และทุกคนน่าจะต้องเคยได้ยิน ก็คงหนีไม่พ้นตำนานเรื่อง “จิ้งจอกเก้าหาง” จิตวิญญาณสัตว์อันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศจีน

ความเชื่อในลักษณะเดียวกันยังแพร่หลายมาถึงเกาะญี่ปุ่น จนเป็นที่มาของรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกแดงชื่อ “Kitsune” ที่เราสามารถพบได้ในวัดหรือศาลเจ้าของศาสนาชินโต ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า จิตวิญญาณสุนัขจิ้งจอกแดงเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า “Inari” เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ผู้จะคอยคุ้มครองการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตรกรรม หรือแม้แต่ผู้ที่ทำมาค้าขาย หรือนักธุรกิจในยุคปัจจุบันก็ยังนิยมไปสักการะเทพเจ้าองค์นี้

ความโด่งดังของสุนัขจิ้งจอกแดง เรียกได้ว่าทำให้จิ้งจอกพันธุ์นี้กลายมาเป็นภาพจำในฐานะตัวแทนรูปลักษณ์ของสัตว์ในตระกูลจิ้งจอกทั้งหมด พวกมันสามารถมีขนได้ 3 รูปแบบ คือ สีน้ำตาลแดง สีเงิน หรือสีผสมน้ำตาล-ดำ มีปากแหลมสีขาว หูแผ่กางขนาดใหญ่ มีถุงเท้าดำสี่ข้าง และหางยาวปกคลุมด้วยขนฟูที่มีแต้มปลายเป็นสีขาว พวกมันเป็นจิ้งจอกที่มีถิ่นอาศัยกว้างใหญ่ที่สุดในโลก กินอาณาเขตเกือบทั้งหมดของซีกโลกเหนือ ตั้งแต่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา อเมริกากลาง เอเชีย เลยขึ้นไปจนถึงเส้นละติจูด Arctic circle รวมแล้วเป็นพื้นที่กว่า 70 ล้านตารางกิโลเมตร โดยเริ่มมีการแพร่ขยายพันธุ์จากทางฝั่งยุโรป ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปสู่ฝั่งอเมริกาและแคนนาดาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 17 รวมทั้งแพร่ไปจนถึงทวีปออสเตรเลียในศตวรรษที่ 18 อีกด้วย

จิ้งจอกผู้เป็นที่มาของสัตว์ในเทวตำนานนี้ มักออกหากินในยามค่ำคืน พวกมันจะท่องไปในทุ่งหญ้า ป่าเขา หรือทะเลทรายเพียงลำพังเพื่อล่าเหยื่อจำพวกหนอน แมลง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนดเล็ก และนก กินเป็นอาหาร แม้ว่าพวกมันจะได้รับการเคารพบูชาจากทางซีกโลกตะวันออก แต่สำหรับชาวตะวันตกแล้วนั้น พวกมันกลับถูกปฏิบัติไม่ต่างกับสัตว์เหยื่อที่ถูกล่าเพื่อเอาขนและหนังตั้งแต่ยุค 400 ปีก่อนคริสตกาล และเริ่มแพร่หลายอย่างมากในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 11 กระทั่งในช่วงปี 1988-1989 มีการซื้อขายขนจิ้งจอกแดงสูงถึง 700,000 ผืนเลยทีเดียว

ในปัจจุบัน จิ้งจอกแดงยังคงเป็นสัตว์ที่สามารถล่าได้อย่างถูกกฎหมาย ภายในช่วงฤดูกาลที่กำหนด ในประเทศแถบตะวันตก และยังไม่ถูกจัดเป็นสปีชีส์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์แต่อย่างใด

น่าแปลกที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของคนจำนวนมหาศาลจากในซีกโลกหนึ่ง…เพียงแค่ห่างกันช่วงข้ามมหาสมุทร พวกมันอาจมีค่าเป็นแค่ขนสัตว์ดีๆ ผืนหนึ่งเท่านั้น